ข่าวดีในเรื่องร้าย...ผู้ใหญ่บ้านรอดตายจากคาร์บอมบ์ - เจ้าของเซาท์เทิร์นฯสู้ต่อ
เหตุการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลายเป็นเรื่องเล่าที่ไม่รู้จบของผู้เผชิญชะตากรรมในดินแดนแห่งนี้
หลายเรื่องที่เกิดซ้ำๆ ก็กลายเป็นความชินชา แต่สำหรับคนที่ต้องประสบเคราะห์กรรมเอง คงชาชินไม่ไหว
เรื่องร้ายๆ หลายเรื่อง หากพลิกมุมมองเป็นแง่ดี อาจทำให้มีกำลังใจต่อสู้กับสถานการณ์ต่อไป
โดยเฉพาะมุมมองที่ก้าวข้ามคำว่า “ท้อ” ไม่เคยรู้จักคำว่า “ถอย” ไมว่าจะเจอกับอะไรก็ตาม
ถ้าไม่มีระเบิดลูกแรก ผมคงตายไปแล้ว
หลายคนอาจคิดว่า การมีระเบิดลูกแรกเพื่อล่อคนออกมา แล้วจุดระเบิดคาร์บอมบ์ลูกที่สอง เป็นแผนการเพื่อสร้างความสูญเสียมาก แต่สำหรับ เจะอูเซ็ง ช่วย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.รูสะมิแล อ.เมืองปัตตานี ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุ มองอีกมุมหนึ่งว่า ถ้าไม่มีระเบิดลูกแรก เขาคงเสียชีวิตไปแล้ว
“ทุกคืนจะมานั่งที่ร้านน้ำชาหน้าโรงแรม (เซาท์เทิร์น วิว) เหมือนกับคืนเกิดเหตุ นั่งกันตั้งแต่เย็น เพื่อดูแลความปลอดภัย ดูความสงบของลูกบ้าน เพราะที่นี่ก็ถือว่าเป็นเขตรับผิดชอบที่ต้องดูแลให้เกิดความสงบ”
“ตอนเกิดเหตุมีระเบิดลูกแรกก่อนด้านหลังผับของโรงแรม ทุกคนก็วิ่งไปดูเพื่อช่วยเหลือถ้ามีคนเจ็บ ไม่นานก็เกิดระเบิดตรงหน้าโรงแรม เสียงดังกว่า ย้อนกลับมาดูเห็นรถยนต์ส่วนตัว มาสด้า บีที 50 โดนไฟไหม้เสียหายทั้งหมด ก็วิ่งช่วยคนเจ็บจนถึงสว่าง”
“โชคดีที่มีลูกแรก ถ้าไม่มีลูกแรกคนจะเจ็บและตายอีกเยอะ และคิดว่าผมก็อาจต้องตายด้วย เพราะจุดเกิดเหตุกับร้านน้ำชา รถคาร์บอมบ์จอดห่างเพียงแค่ 10 เมตร”
ทำธุรกิจตรงนี้ต้องยอมรับ...ขออยู่ต่อไป
จุดเกิดเหตุหลักคือ โรงแรมเซาท์เทิร์น วิว ซึ่งเปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2548 จุดเด่นของโรงแรมแห่งนี้คือมีห้องอาหาร มีเพลงขับกล่อม มีผับ และสถานบันเทิงสำหรับหย่อนใจ
ตรงข้ามโรงแรมเป็นตึกแถวกลางเก่ากลางใหม่ ก็เปิดเป็นคาราโอเกะบ้าง นวดแผนโบราณบ้าง ร้านน้ำชาบ้าง ซึ่งก็ดูเป็นบรรยากาศที่ผสมกลมกลืนกัน
ย่านที่เป็นโรงแรมและอาคารใกล้เคียงตั้งอยู่ใกล้สามแยกดอนรัก ทางเข้าเมืองปัตตานี มีทางเข้า-ออกถึง 5 ช่องทาง ทำให้การเฝ้าระวังป้องกันการก่อเหตุร้ายทำได้ยาก
แต่โรงแรมเซาท์เทิร์น วิว ก็รอดจากเหตุรุนแรงขนาดใหญ่มาได้ตลอด เจ้าของโรงแรมเป็นนักธุรกิจในพื้นที่ มีโรงแรมอีกแห่งหนึ่งที่ อ.เบตง จ.ยะลา กิจการเซาท์เทิร์น วิว มอบให้ลูกชาย คือ เอกชัย โลจนาภิวัฒน์ รับหน้าที่บริหาร
“โรงแรมมีทั้งหมด 9 ชั้น ห้องประชุมชั้น 9 เสียหายทั้งหมด ห้อง ห้องพัก 80 ห้อง เสียหาย 70 ห้อง ด้านหน้าโรงแรมเสียหายทั้งหมด ผับเสียหายไม่มาก ร้านอาหารเสียหายไม่มาก คิดว่าผับและร้านอาหารใช้เวลา 1 สัปดาห์น่าจะซ่อมแซมเรียบร้อย ส่วนโรงแรมห้องพักคาดว่าน่าจะต้องใช้เวลา 3 เดือนกว่าจะเปิดทำการได้ ความเสียหายทั้งหมด มากกว่า 20 ล้านบาท"
“โรงแรมมีทางเข้าออก 5 ทาง ถือเป็นทางเปิด ทุกคนสามารถเข้าออกได้ เคยคิดเหมือนกันว่าเราอยู่พื้นที่นี้ สักวันอาจต้องเกิด แต่ก็ต้องยอมรับ เมื่อเราเลือกที่จะอยู่พื้นที่เสียง แต่ก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้”
“คืนเกิดเหตุ ตอนทราบเรื่อง คิดแค่ว่ามีใครเป็นอะไรหรือเปล่า ลูกน้องทั้ง 150 คนปลอดภัยไหม เพราะคิดว่าสิ่งอื่นเราสามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่ชีวิตคนสำคัญที่สุด เมื่อมันเกิดก็ต้องเดินต่อไปให้ได้ ยืนยันว่าจะขอทำตรงนี้ต่อไป แม้จะรู้สึกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้รุนแรงมาก”
โชคดีไม่มีใครในครอบครัวเป็นอะไร
นอกจากโรงแรมขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับความเสียหายแล้ว ตึกแถวฝั่งตรงข้ามด้านหน้าโรงแรมก็ย่อยยับไม่แพ้กัน
กฤษฎา แก้วถาวร เจ้าของห้องแถวหน้าโรงแรมเซาท์เทิร์น วิว เป็นเจ้าของห้องบริเวณนี้ถึง 6 ห้อง
“บ้านเสียหาย 6 ห้อง รถยนต์ 1 คัน แต่ก็ถือว่ายังโชคดีที่ไม่มีใครในครอบครัวเป็นอะไร”
“6 ห้องผมเปิดเป็นร้านคาราโอเกะ 4 ห้อง ร้านชำและที่อยู่อาศัย 2 ห้อง ย่านนี้จะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร คือเป็นแหล่งบันเทิงแห่งเดียวในปัตตานีที่มีความคึกคัก ใครที่เข้าเมืองแล้วกลับมาแต่ยังไม่อยากกลับบ้านก็จะมาแวะที่ผับ บางคนก็จะมานั่งกินข้าวต้ม กินจนเช้าก็มี ที่นี่เป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ของความบันเทิงที่มีอยู่ตอนนี้”
“คิดมาตลอดว่าจะต้องเกิดสักวัน เพราะที่ผ่านมาเหตุการณ์ย่านนี้ก็เกิดมาบ้างนานๆ ที แต่ก็ไม่ได้ใกล้ขนาดนี้ ที่ผ่านมาก็คิดเหมือนกันว่าสักวันเราอาจต้องเจอสถานการณ์ แต่ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้”
ถึงจะหนักขนาดไหน แต่ทุกคนก็ยืนยันว่าจะสู้ต่อไป...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 กฤษฎา แก้วถาวร
2 เอกชัย โลจนาภิวัฒน์
3 (คนซ้าย เสื้อสีน้ำเงิน) เจะอูเซ็ง ช่วย