“หมอเปรม”เบี้ยวนัด ชี้ 29 ส.ค.ไม่มาพบตร.ออกหมายจับทันที

“หมอเปรม” เบี้ยวนัด พนักงานสอบ สภ.เมืองขอนแก่น ในคดีสมาคมสื่อมวลชนขอนแก่นฟ้องหมิ่นประมาท และความผิด ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ จ่อออกหมายเรียกครั้งที่ 2 หากไม่มาพบพนักงานสอบสวนภายใน 29 ส.ค.นี้ เตรียมออกหมายจับทันที 

เมื่อวันที่ 21 ส.ค.59 เวลา 15.00 น. พ.ต.อ.นพดล เพ็ชรสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ขณะนี้ครบกำหนดตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ที่ได้ออกหมายเรียก นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาทเพื่อการโฆษณาและความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาและสอบสวนครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา

แต่นพ.เปรมศักดิ์ ไม่มาพบพนักงานสอบสวนและไม่ติดต่อใดๆ ดังนั้น ในขั้นตอนกฎหมาย จะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 เพื่อให้ นพ.เปรมศักดิ์ มารายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ภายใน 7 วัน โดยหมายเรียกครั้งที่ 2 จะมีผลตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.เป็นต้นไป

“คดีความดังกล่าวเกิดขึ้นหลังสมาคมสื่อมวลชน จ.ขอนแก่น โดยพ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมสื่อมวลชนขอนแก่น แจ้งความเอาผิดกับ นพ.เปรมศักดิ์ ในข้อกล่าวหาหมิ่นประมาท และความผิด ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์นำเอกสารหลักฐานและภาพถ่าย ที่นพ.เปรมศักดิ์ โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คส่วนตัว กล่าวหาว่าสมาคมสื่อมวลชนขอนแก่น และผู้สื่อข่าวรวมไปถึงอดีตข้าราชการระดับสูงที่ปรากฏในภาพนั้นมีการรับเงินจากนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิชย์ อดีต สว.ขอนแก่น”พ.ต.อ.นพดล กล่าวและว่า

ทั้งนี้ เพื่อหวังทำลายชื่อเสียงของ นพ.เปรมศักดิ์ และทำกันเป็นกระบวนการจากกรณีมีภาพหลุดของ นพ.เปรมศักดิ์ ลักษณะแต่งงานกับนักเรียนระดับชั้น ม.5 และก่อเหตุถอดกางเกงผู้สื่อข่าว โดยคดีดังกล่าวมีการสอบสวนฝ่ายโจทย์คือผู้สื่อข่าวที่อยู่ในภาพทั้งหมด 5 คน และพยานแวดล้อม ประกอบด้วย นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช , นางดารุณี พาลุสุข อดีตนายกเหล่ากาชาด จ.พังงา รวมไปถึงพยานแวดล้อมต่างๆแล้วเหลือเพียง นพ.เปรมศักดิ์ ในฐานะผู้ต้องหาในคดีนี้เท่านั้น

พ.ต.อ.นพดล กล่าวต่ออีกว่า ในระยะเวลา 7 วันตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 29 ส.ค. หาก นพ.เปรมศักดิ์ ยังเพิกเฉยไม่มาติดต่อพบกับพนักงานสอบสวน ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการออกหมายจับต่อไป ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ตำรวจทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ว่ากันตามพานหลักฐาน ซึ่งฝ่ายผู้เสียหายได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจตลอด ตามขั้นตอนของกฎหมาย และที่พนักงานสอบสวนต้องการข้อมูลและพยานหลักฐาน เหลือเพียงฝ่ายผู้ต้องหาเท่านั้น ทั้งนี้หากการสอบปกคำแล้วเสร็จ ตำรวจจะสามารถสรุปสำนวนและส่งฟ้องให้กับอัยการจังหวัดขอนแก่นได้

ขอบคุณข่าวจาก