พลิก 18 คดี นักการเมืองท้องถิ่น-ตร.-เจ้าหน้าที่รัฐ ถูก ป.ป.ช.เชือดข้อหาทุจริต
ป.ป.ช. เชือดล็อตใหญ่ จนท.รัฐ-ผู้บริหาร-ตำรวจ-ขรก.ท้องถิ่น 18 จังหวัด ทุจริต-ประพฤติมิชอบ นายก อบต. โดนเพียบ ตร.สภ.แม่ฟ้าหลวง เรียกรับเงินคนขายยาบ้า เทศบาลท้ายเหมือง-พังงาโดนหมด ปมกำหนดราคากลางสร้างระบบไฟฟ้าสูงเกินจริง
ในระหว่างเดือน ก.ค.-ส.ค. 2559 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการส่วนท้องถิ่น จำนวนหลายราย ในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการประพฤติมิชอบ รวมถึงการเรียกรับเงินจากประชาชน
(อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ฟัน‘บิ๊ก’กรุงไทย! อ้างค่านายหน้าขายที่แบงก์แต่เอาเงินไปใช้ส่วนตัว)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปให้สาธารณชนรับทราบ ดังนี้
1.จังหวัดนครสวรรค์ : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด นายกมล ชั่งทอง นายสถานีรถไฟชุมแสง ว่าเบียดบังเงินค่าเช่าที่ดิน อาคาร และค่าใช้ประโยชน์ในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว โดยนายกมลฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 และมาตรา 158 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91
2.จังหวัดลพบุรี : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด นายโกมินทร์ ทองดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงมะรุม อำเภอโคกสำโรง ว่านำรถยนต์ซึ่งได้รับมอบจากสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ไปใช้ในกิจการส่วนตัว โดยมิได้ลงทะเบียนคุมรถยนต์ โดยนายโกมินทร์ฯ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157
3.จังหวัดสมุทรสาคร : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด (1) นายจาตุรงค์ ปิ่นสุภา เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน 6 สถานีอนามัยบ้านท่าเสา ตำบลท่าเสา อำเภอกระทุ่มแบน (2) นายอดุลย์ น่วมนวล เจ้าหน้าที่บริหารงานสาธารณสุข 6 สถานีอนามัยบ้านท่าเสา เป็นประธานกรรมการเก็บรักษาเงิน ว่าเบียดบังเงินของทางราชการไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว
โดย (1) นายจาตุรงค์ฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 (2) นายอดุลย์ฯ มีมูลเพียงความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง
4.จังหวัดพิจิตร : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด นายพายับ หรือพยับ จันทไทย สมาชิกสภาเทศบาลเมืองตะพานหิน อำเภอตะพานหิน ว่าข่มขู่ และทำร้ายร่างกายขณะผู้ยื่นซองกำลังจะเข้าไปยื่นซองสอบราคาโครงการจัดซื้ออุปกรณ์กีฬา
โดย นายพายับ หรือพยับฯ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ และฐานเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 และมาตรา 13 และฐานพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้ จำยอมร่วมดำเนินการใด ๆ ในการเสนอราคา หรือไม่เข้าร่วมในการเสนอราคา หรือถอนการเสนอราคาหรือต้องทำการเสนอราคาตามที่กำหนดโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ ให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือบุคคลที่สามจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 6 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80
5.จังหวัดสุโขทัย : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด นางมุขสุดา ติวุตานนท์ นายกเทศมนตรีตำบลศรีสำโรง อำเภอศรีสำโรง จ.สุโขทัย ว่าเบียดบังทรายของเทศบาลตำบลศรีสำโรง ไปใช้ในการก่อสร้างห้องพักโรงแรมที่เป็นกิจการของตนเอง ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นางมุขสุดาฯ มีมูลเป็นความผิดตามมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงได้ส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90
6.จังหวัดเชียงราย : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด (1) ดาบตำรวจ สุรินทร์ ทิพย์สังวาลย์ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจ ภูธรแม่ฟ้าหลวง (2) สิบตำรวจเอก เผด็จ จุมด้วง ผู้บังคับหมู่งานจราจร สถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่ฟ้าหลวง (3) สิบตำรวจตรี ประนม มารินทร์ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่ฟ้าหลวงว่าเรียกรับเงินจากผู้ต้องหาค้ายาเสพติด (ยาบ้า) เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการปล่อยตัวไป และไม่ดำเนินคดี
โดย (1) ดาบตำรวจ สุรินทร์ฯ (2) สิบตำรวจเอก เผด็จฯ และ (3) สิบตำรวจตรี ประนมฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 สำหรับความผิดทางวินัยนั้น จังหวัดเชียงรายได้ลงโทษไล่ออกแล้ว
7.จังหวัดเชียงใหม่ : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด (1) นายณรงค์ วิบูลย์มา นายกเทศมนตรีตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ (2) นายสัมพันธ์ กลั่นเรืองแสง ปลัดเทศบาลตำบลหนองหอย (3) นางสุวพิชญ์ วีเกษ ผู้อำนวยการกองคลัง เทศบาลตำบลหนองหอย (4) นางสาวอภิรมยา คันใจ เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี เทศบาลตำบลหนองหอยว่าแก้ไขใบเสร็จรับเงินค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในการเดินทางไปปฏิบัติราชการ แล้วเบียดบังเงินไปเป็นของตนเองหรือ ของผู้อื่น
โดย (1) นายณรงค์ฯ มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 มาตรา 158 มาตรา 161 และมาตรา 162 (1) , (4) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 (2) นายสัมพันธ์ฯ และนางสุวพิชญ์ฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) , (4) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 (3) นางสาวอภิรมยาฯ มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง
8.จังหวัดพะเยา : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด นายเสฐียร วัชราธิวัฒน์ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าพะเยา กรมป่าไม้ ว่าทำการเบิกค่าจ้างเหมาจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ป้องกันไฟป่า และค่าวัสดุฟากไม้ไผ่ทำพื้นและค่ามุงหลังคาเป็นเท็จ แล้วเบียดบังเงินไปเป็นประโยชน์ส่วนตน โดยนายเสฐียรฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91
9.จังหวัดนครราชสีมา : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด นายมงคล เหล็กลอย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลด่านจาก อำเภอโนนไทยว่าเรียกรับเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณี พิเศษ (โบนัส) จากพนักงาน ลูกจ้าง และพนักงานจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบลด่านจาก
โดย นายมงคลฯ มีมูลเป็นความผิดตามมาตรา 92 แห่งพราะราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงได้ส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมูลเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 103 ประกอบประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2543
10.จังหวัดบึงกาฬ : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด (1) นายมนตรี ถ้ำเล็บมือ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองเดิ่น (2) นางสาวมณีรัตน์ ดวงกุณา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลหนองเดิ่น อำเภอบุ่งคล้า ว่าเรียกรับเงินจากพนักงานจ้าง จำนวน 6 ราย เพื่อแลกกับการต่อสัญญาจ้างตำแหน่งผู้ช่วยครู ผู้ดูแลเด็ก
โดย (1) นายมนตรีฯ มีมูลเป็นความผิดตามมาตรา 92 แห่งพราะราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหาร ส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงได้ส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157ประกอบมาตรา 83 (2) นางสาวมณีรัตน์ฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83
11.จังหวัดมหาสารคาม : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด นางสาวจริยา คุณพรม เจ้าพนักงานศาลยุติธรรมปฏิบัติการ สำนักอำนวยการประจำศาลจังหวัดมหาสารคาม ว่าแก้ไขวันที่ในใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียม แล้วนำส่งเงินที่ได้รับไว้ให้งานการเงินล่าช้า โดยนำไปหมุนเวียนใช้เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นางสาวจริยาฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 สำหรับความผิดทางวินัยนั้น สำนักงานศาลยุติธรรมได้ลงโทษ ไล่ออกแล้ว
12.จังหวัดร้อยเอ็ด : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด นายยศธนา นพรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลหนองฮี อำเภอหนองฮี ว่าเรียกรับเงินจากพนักงานและพนักงานจ้างเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการอนุมัติเบิกจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ(โบนัส) ประจำปี 2554 ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายยศธนาฯ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90
13.จังหวัดเลย : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด นายกิตติพงษ์ พลซา พนักงานปฏิบัติการ 4 ธนาคารออมสิน สาขาวังสะพุง ธนาคารออมสินเขตเลย ธนาคารออมสินภาค 8 ว่าเบียดบังเงินสินเชื่อโครงการธนาคารประชาชนแบบกลุ่ม
โดยนายกิตติพงษ์ฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสียและฐานเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 และมาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และมาตรา 91 สำหรับความผิดทางวินัยนั้นธนาคารออมสินได้ลงโทษไล่ออกแล้ว
14.จังหวัดสกลนคร : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด (1) นายประมวลชัย สิงห์คาม นายกเทศมนตรีตำบลสามัคคีพัฒนา (2) นายบรรพต บัวศรี รองปลัดเทศบาลตำบลสามัคคีพัฒนา (3) นางลักขณา อริยชาติ หัวหน้าส่วนการคลัง อำเภออากาศอำนวยว่าประกาศใช้เทศบัญญัติงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 และเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2555 โดยมิชอบ
โดย (1) นายประมวลชัยฯ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 83 มาตรา 90 และมาตรา 91 (2) นายบรรพตฯ และ (3) นางลักขณาฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) , (4) ประกอบมาตรา 83 มาตรา 90 และมาตรา 91
15.จังหวัดหนองคาย : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด นางสาวประนอม สาริกา เจ้าหน้าที่สรรพสามิต 3 สำนักงานสรรพสามิต ว่าเบียดบังแสตมป์ยาสูบ จำนวน 280,200 ดวง ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว โดยนางสาวประนอมฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 สำหรับความผิดทางวินัยนั้น กรมสรรพสามิตได้ลงโทษไล่ออกแล้ว
16.จังหวัดอุบลราชธานี : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด (1) สิบตำรวจเอก ยอดชาย หรือชัยพล เกษละคร ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจภูธรสำโรง ช่วยราชการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี (2) นายณัฐพงษ์ สุพรรณ์ ว่าเรียกรับเงินจากผู้ต้องหา เพื่อแลกกับการไม่จับกุมดำเนินคดีฐานมียาเสพติด (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย
โดย (1) สิบตำรวจเอก ยอดชาย หรือชัยพลฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และมาตรา 200 ประกอบมาตรา 90 (2) นายณัฐพงษ์ฯ มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุน สิบตำรวจเอก ยอดชาย หรือชัยพลฯ กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และมาตรา 200 และฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเอง มิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145
ทั้งนี้ในส่วนของนายณัฐพงษ์ฯ อัยการได้แยกดำเนินคดีฟ้องและศาลมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดให้จำคุกในมูลคดีจากเหตุเดียวกัน และได้รับการจำคุกตามคำพิพากษาครบโทษแล้ว
17.จังหวัดพังงา : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด (1) นายสนิท วรกิจ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท้ายเหมือง อำเภอท้ายเหมือง (2) นางอรทัย จิตสว่าง หรือเจี่ยสกุล ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลท้ายเหมือง (3) นายมาโนชญ์ เพิ่มทรัพย์ หัวหน้าส่วนโยธา องค์การบริหารส่วนตำบลท้ายเหมือง ในฐานะผู้ควบคุมงานจ้าง (4) นายไพโรจน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต หัวหน้าส่วนโยธา องค์การบริหารส่วนตำบลกะไหล อำเภอตะกั่วทุ่ง ในฐานะผู้ควบคุมงานจ้าง (5) นายมงคล เจี่ยสกุล วิศวกรโยธา องค์การบริหารส่วนตำบลท้ายเหมือง ในฐานะผู้ควบคุมงานจ้าง (6) นายธีระพงษ์ สงวนนาม ผู้ช่วยช่างโยธา องค์การบริหารส่วนตำบลท้ายเหมือง ในฐานะผู้ควบคุมงานจ้าง (7) นายวีรศักดิ์ ส่องแก้ว ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลลำภี อำเภอท้ายเหมือง ประธานกรรมการตรวจการจ้าง (8) นายสมมาต โชติประดิษฐ์ หัวหน้าส่วนโยธา องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง กรรมการตรวจการจ้าง (9) นายเกรียงศักดิ์ ทองสกุล หัวหน้าส่วนโยธาองค์การบริหารส่วนตำบลบางทอง อำเภอท้ายเหมือง กรรมการตรวจการจ้าง (10) นายพนม ภิญโญ นักวิชาการการศึกษา องค์การบริหารส่วนตำบลท้ายเหมือง กรรมการตรวจการจ้าง (11) นายณรงค์ แสงสวาท ประชาคมหมู่ที่ 6 กรรมการตรวจการจ้าง (12) นายธิติพันธ์ อัครธนารัฐชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี.เอช.เค.กรุ๊ป จำกัด ว่ากำหนดราคากลางโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะจากหน้าโรงพยาบาลท้ายเหมือง ถึงหมู่ที่ 6 สูงกว่าความเป็นจริง และตรวจรับงานจ้าง ทั้งที่ไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียด
โดย (1) นายสนิทฯ มีมูลเป็นความผิดตามมาตรา 92 แห่งพราะราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหาร ส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงได้ส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 (2) นางอรทัยฯ , (3) นายมาโนชญ์ฯ , (4) นายไพโรจน์ฯ , (5) นายมงคลฯ , (7) นายวีรศักดิ์ฯ , (8) นายสมมาตฯ , (9) นายเกรียงศักดิ์ฯ และ (10) นายพนมฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) , (4) ส่วน (6) นายธีระพงษ์ฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) , (4) ประกอบมาตรา 86 ส่วน (11) นายณรงค์ฯ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) , (4) ประกอบมาตรา 86 ส่วน (12) นายธิติพันธ์ฯ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) , (4) ประกอบมาตรา 86
18.จังหวัดสงขลา : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด นายสุนิตย์ บุญสุขจันทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบาโหย อำเภอสะบ้าย้อยว่าละเว้นไม่ดำเนินการจัดสรรอัตราและตำแหน่งครูผู้ดูแลเด็กของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ตำบลบาโหย เป็นเหตุให้ผู้กล่าวหาได้รับความเสียหาย โดย นายสุนิตย์ฯ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157