ตั้ง3ปมบึ้มตรัง ขัดแย้งธุรกิจประเด็นหลัก การเมือง-ไฟใต้เรื่องรอง
เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง สำหรับชนวนเหตุระเบิดในตลาดกลางเมืองตรัง โดยตั้งไว้ 3 ปม คือขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ซึ่งให้น้ำหนักมากที่สุด ตามด้วยการเมืองและโยงไฟใต้ แต่สองปมหลังถือเป็นประเด็นรอง
เหตุระเบิดเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 11 ส.ค.59 จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณศาลาที่พักริมทาง ในตลาดเซ็นเตอร์พอยท์ ซึ่งมีลักษณะเป็นถนนคนเดิน ริมถนนรื่นรมย์ ในเขตเทศบาลนครตรัง ห่างจากศาลากลางจังหวัดไม่กี่ร้อยเมตร
แรงระเบิดทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้เสียชีวิตคือ จ่าเอกพิเชิด วิริยานุภาพพงษ์ อายุ 51 ปี ส่วนผู้บาดเจ็บประกอบด้วย นางวันทนีย์ วิริยานุภาพพงศ์ อายุ 45 ปี ภรรยาจ่าเอกพิ เชิด น.ส.รุ่งทิพย์ คงพินิจ อายุ 55 ปี น.ส.สุนิศา พันธ์นภา อายุ 39 ปี นายณัฐพงศ์ แซ่โหลย อายุ 19 ปี น.ส.วิไลรัตน์ ก้องนางชัย และนายหะมะ หมั่นหลี อายุ 43 ปี โดยเกือบทั้งหมดเป็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาด
ทั้งนี้จุดเกิดเหตุเป็นแหล่งรวมผู้คน และตลาดแห่งนี้กำลังได้รับความนิยม เป็นจุดนัดพบของคนที่ต้องการช้อปปิ้งและหาอาหารรับประทานยามเย็นถึงค่ำ
สำหรับระเบิดที่คนร้ายใช้ ตำรวจสรุปเบื้องต้นว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่อง อาจเป็นแบบตั้งเวลา โดยคนร้ายเป็นชาย 1 คน นำระเบิดใส่ในกระเป๋าสีดำ แล้วนำไปวางไว้ที่ศาลาที่พักริมทาง ก่อนเกิดระเบิด
ส่วนชนวนเหตุในการลอบวางระเบิด ทั้งตำรวจและฝ่ายความมั่นคงตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ
1.ความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวกับตลาดการค้า เพราะระยะหลังมีตลาดเกิดใหม่ขึ้นหลายแห่ง บางแห่งได้รับความนิยมมาก และมีคนในตระกูลดังของจังหวัดเป็นเจ้าของ จึงอาจมีผู้เสียประโยชน์และก่อเหตุขึ้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักประเด็นนี้มากที่สุด
2.เรื่องการเมือง เพราะเพิ่งผ่านการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญมาเพียงไม่กี่วัน และ กกต.เพิ่งประกาศผลคะแนนอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ในวันเกิดเหตุเป็นวันคล้ายวันเกิดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงด้วย จึงอาจมีการก่อเหตุเพื่อดิสเครดิต แต่ยังมีข้อน่าสงสัยว่า เหตุใดจึงเลือกก่อเหตุกลางเมืองตรัง ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ขัดแย้งทางการเมืองรุนแรง และไม่ใช่พื้นที่ฐานเสียงของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ประเด็นนี้เจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักรองลงมา
3.โยงปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในลักษณะการขยายพื้นที่ปฏิบัติการ เพราะระเบิดเป็นแบบแสวงเครื่อง มีพยานพบเห็นว่าใช้เหล็กเส้นตัดท่อนเป็นสะเก็ดระเบิด คล้ายกับที่ใช้ในพื้นที่ปลายด้ามขวาน แต่ทั้งนี้ต้องรอการตรวจพิสูจน์อย่างชัดเจนจากกองพิสูจน์หลักฐาน กับหน่วยเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด หรือ อีโอดี เสียก่อน
อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้เจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักน้อย เพราะไม่มีสัญญาณหรือการข่าวมาก่อนว่าผู้ก่อความไม่สงบที่ชายแดนใต้จะเลือก จ.ตรัง เป็นพื้นที่เป้าหมาย ขณะที่ภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด พบผู้ต้องสงสัยแต่งกายคล้ายนักท่องเที่ยว ไม่ได้มีลักษณะเหมือนคนจากสามจังหวัด แต่อีกด้านหนึ่งก็อาจมีความเป็นไปได้ว่าต้องการเร่งโหมกระแสหลังผลประชามติในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คะแนนโหวตโนชนะคะแนนรับร่างรัฐธรรมนูญ
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ฝ่ายความมั่นคงยังไม่ปักใจเสียทีเดียวว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ เพราะเมือช่วงค่ำของวันพุธที่ 10 ส.ค. เพิ่งพบวัตถุระเบิด 2 จุดในย่านการค้าของ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยจุดที่พบวัตถุระเบิด คือบริเวณร้านขายเสื้อผ้า ด้านหน้าโรงแรมพาราไดซ์ กับในร้านขายเสื้อผ้าตลาดไชน่าทาวน์ ทั้งสองจุดอยู่บนถนนราษฎร์อุทิศ 200 ปี แต่มีผู้พบเห็นเสียก่อน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าเก็บกู้เอาไว้ได้
ระเบิดดังกล่าวมีลักษณะคล้ายเพาเวอร์แบงก์ มีการต่อวงจรเพื่อให้เกิดไฟลุกไหม้ แต่ต่อวงจรไม่สมบูรณ์ เบื้องต้นจึงยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นการล้างแค้นส่วนตัวหรือต้องการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย
การพบวัตถุระเบิดแบบแสวงเครื่องถึง 2 จังหวัดใน 2 วันต่อเนื่องกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบางส่วนมองว่าอาจเป็นเรื่องการสร้างสถานการณ์ทางการเมืองหลังร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ เพื่อให้เกิดเหตุวุ่นวาย หรืออาจเป็นเรื่องการขยายพื้นที่ปฏิบัติการของกลุ่มป่วนใต้ได้เช่นกัน แต่ทั้งสองประเด็นก็ยังน้ำหนักน้อยกว่าประเด็นแรก เพราะการพบระเบิด 2 วันซ้อน อาจเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ความโกลาหลหลังเกิดระเบิดกลางเมืองตรัง
ขอบคุณ : ภาพจากเจ้าหน้าที่ชุดตรวจที่เกิดเหตุ และหน่วยกู้ภัย