นายกฯตูนิเซียพ้นตำแหน่งหลังโดนโหวตไม่ไว้วางใจ
สภาตูนิเซียมีมติเสียงข้างมากไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้ต้นพ้นจากตำแหน่งทันทีพร้อมคณะรัฐมนตรีทั้งหมด หลังผลงานการบริหารประเทศตลอด 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ยังไม่เป็นที่น่าพอใจของหลายฝ่ายโดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงตูนิส ประเทศตูนิเซีย เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ว่าที่ประชุมสภานิติบัญญัติของตูนิเซียมีมติเสียงข้างมากเมื่อวันเสาร์ 118 เสียง ไม่ให้ความไว้วางใจต่อนายกรัฐมนตรีฮาบิบ เอสซิดและคณะรัฐมนตรี โดยมีเสียงสนับสนุนเพียง 3 เสียง และงดออกเสียง 27 เสียง โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุม 191 คนจากจำนวนสมาชิกทั้งหมด 217 คน
อย่างไรก็ตาม ก่อนจบการประชุมสมาชิกสภาได้ผลัดกันอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ยกย่องความพยายามของนายกรัฐมนตรีในการ "บูรณาการ" ประเทศในหลายด้านโดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ แต่ผลงานที่ออกมากลับยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากอัตราว่างงานยังคงสูงลิ่วถึง 15% เช่นเดียวกับค่าครองชีพที่ถีบตัวแพงขึ้น ในขณะที่ตูนิเซียตกเป็นเป้าหมายของการก่อเหตุรุนแรงหลายระลอกในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่ขยายตัวเพียง 0.8% เมื่อปีที่แล้ว ลดลงจาก 2.3% เมื่อปี 2557
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีเบจี คาอิด เอสเซบซี ยังเคยออกมาวิจารณ์เอสซิดอย่างตรงไปตรงมาผ่านทางโทรทัศน์ เมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา และเสนอให้มีการตั้งรัฐบาลเทคโนแคตเข้ามาบริหารงานแทนที่ด้วย โดยหลังจากนี้เอสเซบซีมีเวลาเพียง 10 วันเท่านั้นในการเสนอชื่อ "บุคคลเหมาะสมที่สุด" ให้มารับตำแหน่งแทนเอสซิด วัย 67 ปี ซึ่งเข้ามานำการบริหารประเทศได้เพียง 18 เดือนเท่านั้น
ทั้งนี้ ตูนิเซียได้รับการยกย่องจากนานาประเทศให้เป็นต้นแบบของประชาธิปไตยในแอฟริกาเหนือ จากการเป็นประเทศจุดกำเนิดของการประท้วงของประชาชนเพื่อล้มอำนาจผู้นำรัฐบาลที่ครองอำนาจมานานหลายทศวรรษ หรือ "อาหรับสปริง" โดยชาวตูนิเซียสามารถโค่นอำนาจประธานาธิบดีไซน์ เอล อาบิดีน เบน อาลี ได้สำเร็จเมื่อปี 2554 และกลุ่มสานเสวนา 4 ฝ่ายแห่งชาติได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปีที่แล้ว จากความพยายามสร้างความสมานฉันท์ภายในประเทศที่ยังมีการแบ่งขั้วการเมืองอย่างหลากหลาย
ขอบคุณข่าวจาก