"อันวาร์"ประกาศลงเลือกตั้งปีหน้า หลังพ้นมลทินคดีอื้อฉาว
"อันวาร์ อิบราฮิม" ประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งในปีหน้าทันที หลังศาลพิพากษาว่าเขาไม่มีความผิดในคดีวิตถารทางเพศกับผู้ช่วยชาย ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นคดีที่เกี่ยวโยงกับการเมืองที่ทำให้เขาตกอยู่ในพงหนามนานหลายปี ขณะที่รัฐมนตรีข่าวสารมาเลย์ได้ที บอกระบบยุติธรรมเป็นอิสระ รัฐบาลไม่แทรกแซงคำตัดสิน ด้านนักวิเคราะห์มองสถานการณ์เป็นประโยชน์ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล
นายอันวาร์ อิบราฮิม แกนนำฝ่ายค้านของมาเลเซีย กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า เขาเตรียมลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปที่คาดว่าจะมีขึ้นราวต้นปี 2556 หลังจากศาลตัดสินว่าเขาไม่มีความผิดในคดีวิตถารทางเพศ อันถือเป็นการปิดฉากการพิจารณาคดีที่ดำเนินมาเกือบ 2 ปี ซึ่งนายอันวาร์ระบุว่าเป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะสกัดเส้นทางการเมืองของเขา ไม่ให้ฝ่ายค้านมีความเข้มแข็ง
"ขอบคุณพระเจ้า ความยุติธรรมได้บังเกิดขึ้นแล้ว" นายอันวาร์กล่าวหลังฟังคำพิพากษา พร้อมเรียกร้องผู้สนับสนุนหลายหมื่นคนที่ไปให้กำลังใจเขาให้โค่นล้มรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นอกจากนั้น เขายังโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ว่า "ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เสียงของประชาชนจะได้ยินกันไปทั่ว และรัฐบาลที่ฉ้อฉลชุดนี้จะถูกโค่นล้มจากอำนาจ"
ผู้พิพากษาโมฮาเหม็ด ซาไบดิน ไดอาห์ อ่านคำวินิจฉัยสั้นๆ ว่า ไม่สามารถอาศัยหลักฐานดีเอ็นเอที่อัยการส่งมาให้ในคดีที่ยื่นฟ้องโดยนายโมฮาหมัด ไซฟัล บักฮารี อัซลัน อดีตผู้ช่วยของนายอันวาร์
"ศาลมักลังเลที่จะตัดสินคดีทางเพศในกรณีที่ไม่มีหลักฐานแน่นอน ดังนั้นผู้ต้องหาจึงไม่มีความผิด" ผู้พิพากษาโมฮัมเหม็ด ระบุ
นายราอิส ยาทิม รัฐมนตรีข่าวสาร กล่าวว่า การตัดสินว่านายอันวาร์ไม่มีความผิด เป็นการพิสูจน์ว่าศาลของมาเลเซียมีความเป็นอิสระ ปลอดจากการแทรกแซง "มาเลเซียมีระบบตุลาการที่เป็นอิสระ และคำตัดสินนี้พิสูจน์ว่ารัฐบาลไม่ได้มีอิทธิพลต่อคำตัดสินของผู้พิพากษา"
นายราอิส กล่าวอีกว่า การปฏิรูปไปสู่ประชาธิปไตยของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก จะช่วยเพิ่มความโปร่งใสในทุกภาคส่วนของมาเลเซีย โดยนายกฯนาจิบต้องประกาศให้มีการเลือกตั้งภายในครึ่งปีหน้า และได้ปูทางด้วยการประกาศว่าจะยกเลิกกฎหมายที่ถูกมองว่ากดขี่ เพื่อหวังปรับปรุงเสรีภาพพลเรือน
นายอิบราฮิม ซุฟเฟียน ประธานศูนย์สำรวจความเห็นเมอร์เดกา กล่าวว่า คำตัดสินของผู้พิพากษาทำให้ภูมิทัศน์ด้านการเลือกตั้งเปิดกว้าง เพราะคำตัดสินพิสูจน์ว่านายอันวาร์ไม่มีความผิด ทั้งยังขจัดความกังขาเกี่ยวกับพฤติกรรมส่วนตัวของเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าวิตกมากโดยเฉพาะในหมู่ผู้มีสิทธิออกเสียงมุสลิมหัวอนุรักษ์นิยม แต่นายกฯนาจิบก็ได้ความดีความชอบจากเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะสัญญามาตลอดว่าจะเลิกใช้การปกครองแบบมีอำนาจสิทธิขาด และคำตัดสินนี้ก็พิสูจน์ว่าเขาจริงใจ อันตรงกันข้ามกับสิ่งที่ฝ่ายค้านเรียกว่าเป็นอุบายตื้นๆ หวังได้คะแนนเสียง
ศาสตราจารย์เจมส์ ชิน แห่งภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโมนาช แสดงความเห็นทำนองเดียวกันว่า คำตัดสินให้นายอันวาร์ไม่มีความผิดเป็นประโยชน์ต่อทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล เพราะนายกฯนาจิบสามารถบอกกับโลกได้ว่าระบบศาลในมาเลเซียเป็นอิสระ ส่วนนายอันวาร์ก็สามารถเตรียมตัวเลือกตั้งได้เต็มที่และไม่ต้องกังวลเรื่องคดี แต่ชาวมาเลเซียทราบดีว่าคำตัดสินไม่ได้หมายความว่าตุลาการมีความเป็นอิสระ เพราะหากเป็นอิสระจริง ก็คงไม่มีการพิจารณาคดีตั้งแต่แรก
นายชินเชื่อว่ารัฐบาลเปิดทางให้มีการตัดสินเช่นนี้เพราะคำนวนแล้วว่าหากตัดสินว่ามีความผิด ต้นทุนทางการเมืองจะสูงเกินไป
ด้านนายฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการประจำเอเชียของกลุ่มฮิวแมน ไรท์ วอชท์ แถลงว่า คดีนี้มีแรงจูงใจทางการเมืองและเต็มไปด้วยความไม่ปกติมากมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำพิพากษาดังกล่าวท้าทายการคาดหมายของผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองจำนวนมาก รวมถึงนายอันวาร์เอง ซึ่งเรียกการพิจารณาคดีครั้งนี้ว่าเป็นการ "เล่นละคร" พร้อมกล่าวหาว่าได้มีการกำหนดคำตัดสินไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยนายอันวาร์ กล่าวหาว่ารัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก โน้มเอียงไปในทางพยายามกำจัดเขา เพราะเห็นเขาเป็นภัยทางการเมือง หลังจากพรรคฝ่ายค้านภายใต้การนำของเขาได้ที่นั่งมากเป็นประวัติการณ์เมื่อปี 2551 จากเดิมที่ฝ่ายค้านแทบไม่มีความสำคัญหรือบทบาททางการเมืองมาเลเซียเลย
ชาวมาเลย์พากันรอคอยคำตัดสินของศาล เพราะจะมีผลกระทบถึงการเลือกตั้งหากนายอันวาร์ถูกตัดสินจำคุก โดยเมื่อทราบคำตัดสิน ครอบครัว นักการเมืองฝ่ายค้าน และผู้สนับสนุนนายอันวาร์ที่รออยู่ด้านหน้าศาลพากันไชโยโห่ร้องเสียงกึกก้อง พร้อมตะโกนคำว่า "ปฏิรูป" หลังจากผู้สนับสนุนจำนวนมากไปรอฟังคำตัดสินตั้งแต่ก่อนเช้ามืด ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา
คดีนี้นับเป็นคดีวิตถารทางเพศคดีที่ 2 สำหรับอดีตรองนายกรัฐมนตรีคนนี้ ซึ่งเคยได้รับการวางตัวให้เป็นทายาทการเมืองของ นายมหาธีร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งทั้งสองเกิดผิดใจกันและอันวาร์ถูกปลดจากตำแหน่งรองนายกฯเมื่อปี 2541 จากนั้นก็ถูกทุบตีและจำคุกในข้อหาวิตถารทางเพศและคอร์รัปชั่น ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าการดำเนินคดีเขามีแรงจูงใจทางการเมือง
เมื่อปี 2547 ศาลพลิกคำพิพากษาในคดีวิตถารทางเพศ ทำให้นายอันวาร์ได้รับอิสรภาพ และลงเล่นการเมืองในฐานะฝ่ายค้าน ซึ่งพรรคเคดิลันของเขาได้ที่นั่งมามากในการเลือกตั้งเมื่อปี 2551 แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกกล่าวหาอีกว่ากระทำวิตถารทางเพศอดีตผู้ช่วยชาย จนก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคองค์กรสหมาเลย์แห่งชาติ สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อสกัดฝ่ายค้าน
ทั้งนี้ การมีพฤติกรรมวิตถารทางเพศเป็นเรื่องผิดกฎหมายในมาเลเซีย และมีโทษจำคุก 20 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังการพิจารณาคดีเสร็จสิ้น บริเวณนอกศาลได้เกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากมีเหตุจุดประทัดระเบิดอย่างน้อย 3 ครั้ง โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คนในเหตุดังกล่าว ซึ่งตำรวจระบุว่าเป็นประทัด แต่ก็ทำให้รถจักรยานยนต์เสียหาย กระจกรถตู้คันหนึ่งแตก และดูเหมือนประทัดลูกหนึ่งไปอยู่ใต้กรวยที่ตำรวจนำมากั้นถนน
ในการพิจารณาคดีครั้งนี้ ตำรวจยังอนุญาตให้มีการชุมนุมหน้าศาล ซึ่งไม่บ่อยครั้งที่ทางการจะอนุญาตให้ทำเช่นนี้ นอกจากนั้น ตำรวจและเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงอีกหลายร้อยนายยังตรึงกำลังตามท้องถนนใกล้ๆ ศาล พร้อมปิดถนนบางส่วน และนำรถฉีดน้ำมาจอดคุมสถานการณ์ด้วย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ : งานแปลชิ้นนี้เรียบเรียงโดย สุดา มั่งมีดี บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันอังคารที่ 10 ม.ค.2555 หน้าโฟกัส
ขอบคุณ : ภาพประกอบจากเว็บไซต์มาเลเซ๊ยกีนี่ http://www.malaysiakini.com/
บรรยายภาพ : นายอันวาร์ อิบราฮิม ชูมือขวาให้กับผู้สนับสนุนนับหมื่นที่มารอให้กำลังใจเขาที่หน้าศาล