ศาลสั่งยึดที่ดิน "อิสลามบูรพา" ทนายจ่อยื่นอุทธรณ์ – ทหารมั่นใจคุมสถานการณ์
ศาลแพ่งมีคำพิพากษายึดที่ดินโรงเรียนอิสลามบูรพา จ.นราธิวาส หลังเชื่อว่ามีการใช้พื้นที่ของโรงเรียนสนับสนุนการก่อการร้าย ตามการเสนอของสำนักงาน ปปง. โดยฝ่ายผู้ร้องคัดค้านรับปากศาลไม่ขยายผลคำพิพากษาในทางที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
วันพฤหัสบดีที่ 21 ก.ค.59 ศาลแพ่งได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ฟ.59/2555 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีพิเศษ 3 ยื่นคำร้องต่อศาลให้ยึดที่ดินของโรงเรียนอิสลามบูรพา ให้ตกเป็นของแผ่นดิน เพราะเชื่อว่าได้มีการใช้พื้นที่ของโรงเรียนในการสนับสนุนการก่อการร้าย ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.ส่งเรื่องมา
คดีนี้มี มูลนิธิอัดดีรอซาดอัลอิสลามียะห์ ผู้รับใบอนุญาตให้จัดการเรียนการสอนโรงเรียนอิสลามบูรพา โดย นางซูใบดะห์ ดอเลาะ อดีตครูใหญ่ และ นายมูฮัมมัด ฮูเซ็งมะซอ เป็นผู้ร้องคัดค้าน
นายพงศ์จรัส รวยร่ำ ทนายความของโรงเรียนอิสลามบูรพา กล่าวกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ที่ศาลแพ่งมี นายสุรพร พร้อมมูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ ปปง. นางซูใบดะห์ ดอเลาะ และตนเองไปฟังคำพิพากษา
โดยคำสั่งศาลให้ยึดที่ดิน 2 แปลงพร้อมทรัพย์สิน คือ ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 27227 และ 27228 อันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนอิสลามบูรพา ให้ตกเป็นของแผ่นดิน แต่ให้ยกฟ้องในส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 27207 ของนายมูฮัมมัดฮูเซ็ง มะซอ เพราะถือว่าเป็นที่ดินส่วนบุคคล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยศาลอ้างหลักฐานจากการซักถาม นายมะนาเซ ยา และพวก ของศูนย์ซักถามของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงว่ามีการใช้พื้นที่ของโรงเรียนอิสลามบูรพาในการหลบซ่อนตัวและเก็บอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิด
นายพงศ์จรัส กล่าวต่อว่า เดิมที่ดินแปลงนี้เป็นของบิดาของ นายมูฮัมมัดฮูเซ็ง มะซอ ต่อมาบิดาได้แบ่งที่ดินออกเป็น 4 แปลง โดย 2 แปลงใช้สำหรับเป็นที่ตั้งโรงเรียนอิสลามบูรพา แปลงที่ 3 ให้กับ นายมูฮัมมัดฮูเซ็ง มะซอ ซึ่งเป็นลูกชาย และแปลงที่ 4 ใช้เป็นที่ตั้งมัสยิด
มีอีกคดีหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ศาลอาญาเคยตัดสินเมื่อเดือน พ.ย.2555 ยกฟ้องผู้บริหารโรงเรียนอิสลามบูรพาว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย สืบเนื่องจากการที่มีการจับกุม นายมะนาเซ ยา และพวก ที่ถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุรุนแรง โดยถูกจับได้ภายในบ้านร้างซึ่งอยู่ในบริเวณโรงเรียนอิสลามบูรพา
ฉะนั้นคำพิพากษาศาลอาญาดังกล่าวซึ่งศาลแพ่งยังไม่ได้หยิบยกมาพิจารณา ประกอบหลักฐานที่ศาลใช้ในการยึดที่ดิน ซึ่งได้จากศูนย์ซักถามฯ ที่ไม่ได้เป็นพนักงานสอบสวนตามกฎหมาย จะเป็นหลักฐานสำคัญในการต่อสู้คดีต่อไปได้
“เราสามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้ภายใน 30 วันนับจากวันตัดสิน แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ เนื่องจากต้องหารือกับหลายฝ่ายก่อน” ทนายของโรงเรียนอิสลามบูรพา ระบุ
ศาลไม่เลื่อนฯ – ผู้ร้องคัดค้านยันไม่ขยายผลทางลบ
ทั้งนี้ ก่อนที่ศาลจะอ่านคำพิพากษา ปรากฏว่า นายสุรพร พร้อมมูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปก่อน เพราะกระทรวงมหาดไทยเห็นว่าหากมีการอ่านคำพิพากษาอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ จ.นราธิวาส และใกล้เคียง ทางกระทรวงมหาดไทยขอเวลาแก้ปัญหาก่อน โดยมีการตั้งคณะทำงาน 2 ชุดเพื่อสร้างความเข้าใจ ป้องกันการนำคำพิพากษาไปบิดเบือนจนเกิดความรุนแรงตามมา
แต่ศาลเห็นว่า หากกระทรวงมหาดไทยต้องการแก้ไขปัญหา ก็สามารถดำเนินการได้ตั้งแต่เริ่มเป็นคดีความเมื่อปี 2550 กระทั่งมีการยื่นขอให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินในปี 2555 ระหว่างนั้นก็สามารถใช้เวลาทำความเข้าใจได้ ประกอบกับศาลได้ซักถามทนายและผู้คัดค้านทั้งสอง (ฝ่ายเจ้าของโรงเรียน) ทราบว่าหากผลคำพิพากษาออกมาประการใด แล้วผู้คัดค้านไม่พอใจ ก็จะใช้สิทธิ์อุทธรณ์ ฎีกาตามกฎหมาย โดยจะไม่นำผลคำพิพากษาไปขยายในทางที่ไม่ตรงต่อข้อเท็จจริง
ศาลจึงเห็นว่าไม่มีเหตุผลตามกฎหมายเพื่อเลื่อนอ่านคำพิพากษา
เปิดปูม "อิสลามบูรพา"
โรงเรียนอิสลามบูรพา ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า "ปอเนาะสะปอม" ตั้งอยู่ที่บ้านใหม่ หมู่ 5 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส เคยถูกสั่งปิดตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.2550 ภายหลังฝ่ายความมั่นคงได้เข้าตรวจค้นภายในโรงเรียนเมื่อวันทื่ 2 ก.ค.ปีเดียวกัน และสามารถจับกุมผู้ต้องหากับผู้ต้องสงสัยรวมทั้งสิ้น 7 คน พร้อมด้วยของกลางวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง และอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมากจากบ้านร้างซึ่งตั้งอยู่ในเขตโรงเรียน
หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้คือ นายมะนาเซ ยา แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบที่มีความเชี่ยวชาญด้านการต่อวงจรระเบิด และยังเป็นครูฝึกให้กับแนวร่วมรุ่นใหม่
ผลของการตรวจค้นจับกุม ทำให้มีการให้ข่าวจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบางรายว่า โรงเรียนอิสลามบูรพาเป็นศูนย์กลางผลิตระเบิดแสวงเครื่องเพื่อส่งกระจายไปก่อเหตุในเกือบทุกพื้นที่ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงเสนอเรื่องให้ นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสในขณะนั้น ลงนามในคำสั่งถอนใบอนุญาตมูลนิธิอัดดีรอซาตอัลอิสลามียะห์ และปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนอิสลามบูรพาตั้งแต่บัดนั้น
ต่อมาในยุคที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ได้ดำเนินการให้โรงเรียนสามารถเปิดการเรียนการสอนได้อีกครั้ง เมื่อวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค.2554
ทหารมั่นใจคุมสถานการณ์ได้
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2558 ศาลแพ่งเคยมีคำพิพากษาให้ยึดที่ดินของโรงเรียนญิฮาดวิทยา หรือปอเนาะญิฮาด อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ให้ตกเป็นของแผ่นดินมาแล้ว และต่อมามีกระแสความไม่พอใจ ฝ่ายครอบครัวของปอเนาะญิฮาดไม่ยอมยื่นอุทธรณ์คดีตามกำหนดในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2559 ทำให้คดีถึงที่สุด ที่ดินของโรงเรียนต้องตกเป็นของแผ่นดิน ครอบครัวปอเนาะญิฮาดต้องย้ายออกจากที่ดิน และมีการจัดกิจกรรมดื่มน้ำชารับบริจาคเพื่อช่วยเหลือครอบครัว รวมทั้งหาเงินสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ ได้เงินมาหลายล้านบาท
ช่วงที่มีกระแสความไม่พอใจเรื่องปอเนาะญิฮาด มีการก่อเหตุรุนแรงเกิดขึ้นค่อนข้างถี่ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับคำพิพากษาคดีดังกล่าว และการที่ทางครอบครัวปอเนาะญิฮาดไม่ยอมยื่นอุทธรณ์ ทำให้คดีถึงที่สุด มีการสร้างกระแสความไม่เข้าใจว่าถูกรัฐกลั่นแกล้ง
ฉะนั้นเมื่อศาลมีคำพิพากษาคดีโรงเรียนอิสลามบูรพา พล.ต.ชินวัฒน์ แม้นเดช รองแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ได้เฝ้าระวังและทำความเข้าใจทุกฝ่าย เพื่อไม่ให้เกิดกระแสเหมือนกรณีโรงเรียนญิฮาดวิทยา มั่นใจว่าจะไม่มีสถานการณ์ใดๆ เกิดขึ้นหลังจากนี้ เพราะกรณีปอเนาะญิฮาด รัฐก็ไม่ได้นำที่ดินไปใช้ทำอย่างอื่น แต่จัดให้เป็นสถานศึกษาของอิสลามตามเจตนารมณ์ของเจ้าของที่เดิม และทำให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินวากัฟ (ที่ดินบริจาคเพื่อสาธารณกุศล) อย่างแท้จริง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1และ 4 โรงเรียนอิสลามบูรพา
2-3 คำสั่งศาลให้อ่านคำพิพากษา
อ่านประกอบ :
1 เปิดแล้ว! "อิสลามบูรพา" ฝ่ายความมั่นคงยันไร้ปัญหา ผู้นำศาสนา-ชาวบ้านดีใจ
2 แห่เซลฟี่ปอเนาะญิฮาด ชาวบ้านสมทบทุน 1.4 ล้านซื้อที่ดินใหม่
3 ครอบครัวแวมะนอตัดสินใจไม่ยื่นอุทธรณ์ เก็บของย้ายออกจากปอเนาะญิฮาด!
4 "ลูกชายดูนเลาะ"รับไม่ได้ หลังศาลแพ่งสั่งริบที่ดิน"ปอเนาะญิฮาด"อ้างโยงก่อการร้าย