โครงการประกันภัยพืชผล นำร่องจ่ายสินไหมภัยแล้ง ชดเชยเกษตรกร 4 ล้านบาท
โครงการทำประกันภัยพืชผล โดย ธ.ก.ส.ร่วมกับ บริษัทประกันภัย เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเพาะปลูกให้กับเกษตรกรกรณีภัยพิบัติ ล่าสุดมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนกว่า 4 ล้านบาท แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ประสบภัยแล้งตามโครงการประกันภัยพืชผลโดยใช้ดัชนีภูมิอากาศ
เมื่อเร็วๆนี้ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นประธานในพิธีมอบค่าสินไหมทดแทนกว่า 4 ล้านบาท ให้เกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้งในโครงการประกันภัยพืชผลโดยใช้ดัชนีภูมิอากาศสำหรับการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในพื้นที่อำเภอนครไทย จ.พิษณุโลก โดยมีนายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายปราโมทย์ นนทะโคตร รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ผู้แทนกรมอุตุนิยมวิทยา และผู้แทนสำนักงาน คปภ. ร่วมเป็นสักขีพยาน
โดย นายปราโมทย์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานโครงการประกันภัยพืชผลโดยใช้ดัชนีภูมิอากาศ สำหรับการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2553 ว่า มีพื้นที่ทำประกันภัยทั้งหมด 7 จังหวัด ประกอบด้วย น่าน พิษณุโลก เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี และนครราชสีมา และมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 3,194 ราย พื้นที่เพาะปลูกที่ทำประกันภัยจำนวน 60,688 ไร่ โดยเกษตรกรจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยไร่ละ 100 บาท รวมเบี้ยประกันภัยที่จ่ายไปเป็น 6,068,800 บาท ทั้งนี้หากผลผลิตได้รับความเสียหายจากปัญหาภัยแล้งโดยสิ้นเชิง เกษตรกรทั้งหมดที่เข้าร่วมโครงการจะมีทุนประกันภัยสูงสุด 72,142,823 บาท
การประกันภัยพืชผลในครั้งนี้มีบริษัทประกันภัยเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 7 บริษัท คือ ไทยพาณิชย์สามัคคีประกันภัย สินมั่นคงประกันภัย ประกันภัยไทยวิวัฒน์ วิริยะประกันภัย นวกิจประกิจประกันภัย เทเวศประกันภัย และไทยรับประกันภัยต่อ
สำหรับเกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และเข้าร่วมในโครงการประกันภัยพืชผลในเขตพื้นที่อำเภอนครไทย จ.พิษณุโลก มี 863 ราย พื้นที่ที่ทำประกัน 16,614 ไร่ โดยเกษตรกรได้จ่ายค่าเบี้ยประกันภัยไปทั้งสิ้น 1,661,400 บาท ซึ่งช่วงที่ผ่านมาปรากฎว่าดัชนีชี้วัดปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ดังกล่าว ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ถือเป็นพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ ในช่วงระยะเวลาเพาะปลูกที่ 1 และระยะเวลาเพาะปลูกที่ 2 ดังนั้นเกษตรกรจึงได้รับเงินชดเชยในรูปของค่าสินไหมทดแทน 4,326,452 บาท ซึ่งธ.ก.ส.และบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการได้จัดพิธีมอบค่าสินไหมทดแทน โดยมีผู้แทนจากบริษัทไทยพาณิชย์สามัคคีประกันภัย จำกัด เป็นผู้มอบให้กับตัวแทนเกษตรกรผู้ทำประกันภัยและประสบภัยในครั้งนี้
นายปราโมทย์ กล่าวอีกว่า ปัญหาภาวะโลกร้อนในปัจจุบันส่งผลต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนยากจะคาดเดา ซึ่งการทำประกันภัยพืชผล เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเพาะปลูกให้กับเกษตรกร เพราะหากเกิดผลกระทบจากภัยธรรมชาติดังกล่าว เกษตรกรก็จะมีเงินมาชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น และสามารถนำเงินดังกล่าวไปลงทุนเพาะปลูกใหม่ โดยไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อมาลงทุนอีก ถือว่าเป็นการแบ่งเบาภาระและลดปัญหาด้านหนี้สินในภาพรวมของเกษตรกรได้ .
ภาพประกอบจาก : http://www.google.co.th/images?um=1&hl=th&client=firefox-a&rls