รายอแนที่ชายแดนใต้...วันใสๆ กับขบวนรถไฟที่กลับมาวิ่งอีกครั้ง
"รายอแน" หรือ "รายอ 6" ปีนี้ตรงกับวันที่ 8 เดือนเชาวาล ซึ่งก็คือวันที่ 13 ก.ค. 2559
“รายอแน” เป็นประเพณีที่มุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่อดีต ไม่มีระบุในพระคัมภีร์หรือคำสอนของศาสดา แต่เป็นวิถีที่มุสลิมในพื้นที่ถือปฏิบัติหลังจากถือศีลอดในเดือนรอมฎอนเสร็จสิ้นแล้ว ส่งเสริมให้ถือศีลอดต่ออีก 6 วัน
เมื่อครบกำหนด 6 วัน มุสลิมชายแดนใต้จึงถือโอกาสเฉลิมฉลองกันอีกครั้งโดย มีการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่บรรพบุรุษที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยการอ่านอัลกุรอานและซิกรุลเลาะห์ (รำลึกถึงอัลลอฮ์) เลี้ยงอาหาร เยี่ยมเยียนกุโบร์ (สุสานของพี่น้องมุสลิม) รวมทั้งทำความสะอาดบริเวณกุโบร์ร่วมกัน ใครไม่ทำไม่ถือว่าผิดหลักศาสนา
มุสลิมในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศไทยหรือในต่างประเทศจะไม่มีวัฒนธรรม “รายอแน” แต่ก็จะมีกิจกรรมอย่างอื่นที่สอดคล้องกับหลักศาสนาด้วยเช่นกัน
“รายอแน” ปีนี้ที่ชายแดนใต้ยังคึกคักเหมือนเคย โดยเฉพาะที่กุโบร์ทุกแห่ง จะมีครอบครัวลูกหลานไปเยี่ยมและทำความสะอาดกุโบร์ร่วมกัน
นับเป็นกิจกรรมที่สร้างการร่วมแรงร่วมใจ สมัครสมานสามัคคีของผู้คนในพื้นที่ที่ยังสัมผัสได้เสมอ
“รายอแน” ปีนี้ยังมีความพิเศษแตกต่างจากทุกปี เพราะเป็นวันเดียวกับที่ขบวนรถไฟสายปฐมฤกษ์ ขบวนที่ 448 จากสถานีสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ปลายทางสุราษฎร์ธานี และขบวนที่ 453 ที่วิ่งขาล่องจากสถานียะลา ปลายทางสุไหงโก-ลก เปิดให้บริการ หลังต้องหยุดเดินรถไปนานถึง 10 วันจากเหตุระเบิดรางรถไฟ ใน อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 3 ก.ค.
บรรยากาศตามสถานีรถไฟทุกแห่งคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ไปรอใช้บริการเป็นจำนวนมากตลอดทั้งวัน ดยเฉพาะคนที่ต้องการกลับไปร่วมเทศกาลรายอ 6 กับครอบครัว แต่ไม่มีเงินมากพอที่จะใช้ระบบขนส่งมวลชนชนิดอื่น จึงต้องรอใช้บริการรถไฟ ท่ามกลางดูแลรักษาความปลอดภัยจากกำลังเจ้าหน้าที่อย่างเข็มงวดเป็นพิเศษ
จ.ส.อ.สันติ อันเตวา หัวหน้าชุดสุนัขทหารจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 (ฉก.ทพ.45) กล่าวว่า ก่อนขบวนรถไฟปกติจะวิ่งผ่าน ได้นำกำลังเดินเท้าเข้าเอกซเรย์พื้นที่โดยรอบสถานีอย่างเข้มงวด เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนผู้มาใช้บริการ
น.ส.ฮัมเราะห์ สาและ ชาว จ.ยะลา ผู้ใช้บริการรถไฟ กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดรางรถไฟที่เกิดขึ้น สร้างความลำบากและเดือดร้อนกับประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะการเดินทางโดยใช้รถตู้หรือสองแถว เสียค่าใช้จ่ายมากกว่ารถไฟ จึงอยากให้กลุ่มคนร้ายหยุดก่อเหตุกับรถไฟได้แล้ว เพราะประชาชนส่วนใหญ่เดือดร้อน
นายสาฟีอีน มะแซ ชาว จ.ปัตตานี ผู้โดยสาร เล่าว่า นั่งรถไฟสาย ยะลา-สุไหงโกลก ที่ผ่านมารู้สึกเหมือนนั่งรถไฟสายมรณะ บางช่วงที่เคยเกิดเหตุยิงหรือระเบิดรถไฟ เวลาที่รถผ่านก็อดจ้องตามองข้างนอกหน้าต่างไม่ได้ กลัวคนร้ายจะมาก่อเหตุอีก
“ขออย่ามาทำกับรถไฟเลย ขอให้คนร้ายรักษาสิทธิ์ทุกคน ทุกอย่างตามกฎของสงครามและกฎอิสลาม แม้แต่ต้นไม้ก็ต้องได้รับสิทธิ์ รถไฟก็เช่นกัน”
น.ส.นุรยาณี มือลอ ชาว จ.ยะลา บอกว่า ช่วงฮารีรายอที่ผ่านมา (รายอปอซอ หลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน เมื่อวันที่ 6 ก.ค.) รถไฟสาย ยะลา –สุไหงโกลกปิดให้บริการ เพราะรางรถไฟเสียหาย คนร้ายมาวางระเบิด ทำให้หลายครอบครัวไม่ได้กลับไปรายอกับครอบครัว เพราะไม่มีเงินค่าเดินทาง ทุกปีสามารถเดินทางกับรถไฟได้ แต่ปีนี้รถไฟโดนระเบิด เลยกลับรายอไม่ได้
“ช่วงนี้รายอ 6 รถไฟเปิดให้บริการหลังเจ้าหน้าที่ซ่อมรางเสร็จ รู้สึกดีใจที่สามารถกลับรายอได้ แม้จะเป็นการกลับช่วงรายอ 6 ก็ถือว่ายังดีกว่าไม่ได้กลับรายอเลย ขอให้คนร้ายหยุดระเบิดรางรถไฟ เพราะประชาชนเดือดร้อน”
สำหรับบรรยากาศวันรายอ 6 ส.อ.พูลทรัพย์ เบ็ญจกาญจน์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการกรมทหารพรานที่ 47 กล่าวว่า ปฏิบัติภารกิจเหมือนปกติ คือดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน และอำนวยความสะดวกทุกด้าน รวมทั้งได้เข้าไปพบปะพูดคุยกับเด็กๆ ในพื้นที่ด้วย
ด.ญ.ดาวันตี อาบู อายุ 5 ขวบ เล่าว่า ดีใจที่ได้เงินรายอจากทหาร เขาเดินลาดตระเวนถนนเสร็จ เขาก็มาแจกเงิน
นายซำซูดิง กาเล็ง นักเผยแผ่ศาสนาอิสลาม บอกว่า ปกติหลังรายออีฎิ้ลฟิตริ (รายอปอซอ) 1 วัน ชาวมุสลิมจะถือศีลอดต่อไปอีก 6 วัน การถือศีลอดในช่วงนี้ไม่ได้มีการบังคับเหมือนเดือนรอมฎอน หมายถึงถ้าทำก็ได้บุญ ไม่ทำก็ไม่ได้บาป หลังจาก 6 วัน เมื่อถึงวันที่ 7 ทุกคนจะฉลองกัน และพาลูกหลานไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ รวมทั้งเดินทางไปเคารพ บรรพบุรุษ
นับถือเป็นวันดีๆ อีกวันหนึ่งของมุสลิมที่ชายแดนใต้ กับวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนที่ใดในโลก!