รายได้ทำนากุ้งล่าสุด 12 ล.! ‘สาคร’ แจง ป.ป.ช.ร่วมหุ้นเพื่อนเปิดฟาร์มตั้งแต่ปี’40
เปิดรายได้ทำนากุ้งล่าสุด ‘สาคร’ อดีต ส.ส.กระบี่ ถูกกล่าวหารุกพื้นที่ป่าชายเลน ปี’57 ฟัน 12 ล้าน ปี’56 แค่ 3 ล้าน ช่วงรับตำแหน่งปี’54 5 ล้าน แจง ป.ป.ช. ร่วมหุ้นทำกับเพื่อนเปิด ‘สมบูรณ์ฟาร์ม’ มาตั้งแต่ปี’40 ปัจจุบันมีนากุ้งกว่า 40 บ่อ เนื้อที่รวม 102 ไร่
จากกรณีเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นและบุกยึดที่ดินอย่างน้อย 3 แปลง ในพื้นที่ ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ เนื้อที่หลายสิบไร่ โดยปรากฏชื่อของนายสาคร เกี่ยวข้อง อดีต ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ และนักธุรกิจชื่อดังในจังหวัด เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาว่า เข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อทำนากุ้ง รวมประมาณ 24 ไร่เศษด้วยนั้น
(อ่านประกอบ : 250 ล.! ทรัพย์สินล่าสุดอดีต ส.ส.กระบี่ ‘สาคร’ก่อนถูกกล่าวหารุกป่าชายเลน)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายสาคร ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบว่า นายสาคร แจ้งรายได้ 3 ครั้งหลังสุด แจ้งรายได้เกี่ยวกับการทำนากุ้งกุลาดำไว้ ดังนี้
1.ช่วงเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2554 มีรายได้รวม 10,786,487 บาท ได้จากนากุ้ง 5 ล้านบาท
2.ช่วงพ้นตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2556 (ยุบสภา) มีรายได้รวม 12,349,274 บาท ได้จากนากุ้ง 3 ล้านบาท
3.ช่วงพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2557 มีรายได้รวม 18,338,478 บาท ได้จากนากุ้ง 12 ล้านบาท (ดูเอกสารประกอบ)
รายได้ปี'54
รายได้ปี'56
รายได้ปี'57
อย่างไรก็ดีรายได้ดังกล่าวถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบแล้วให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเนื่องจากที่ผ่านมานายสาครไม่เคยระบุว่า ทำนากุ้งกุลาดำในพื้นที่ใด และตั้งอยู่บนโฉนดใด
โดยนายสาคร ได้ทำหนังสือชี้แจงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุตอนหนึ่งถึงการทำนากุ้งกุลาดำว่า ได้ร่วมลงทุนกับนายสมบูรณ์ เทิดเกียรติขจร ซึ่งเป็นเพื่อนที่ทำบ่อเลี้ยงกุ้งในที่ดินติดกัน และได้ร่วมกันจดทะเบียนฟาร์มกุ้งในชื่อ ‘สมบูรณ์ฟาร์ม’ เมื่อประมาณปี 2540 โดยตกลงแบ่งผลกำไรขาดทุนคนละครึ่ง ซึ่งตนและนายสมบูรณ์ ได้ขยายการลงทุนเลี้ยงกุ้งอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบัน มีบ่อกุ้งในนาม ‘สมบูรณ์ฟาร์ม’ จำนวนมากกว่า 40 บ่อ มีบ่อเลี้ยงกุ้งที่ตั้งอยู่บนที่ดินที่ตนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ จำนวน 22 แปลง ตั้งอยู่ใน จ.กระบี่ คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 102 ไร่
“ประการสุดท้าย ที่ท่าน (ป.ป.ช.) ถามว่า ได้รวมมูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวในที่ดินแล้วหรือไม่ ประเด็นนี้ขอเรียนชี้แจงว่า มูลค่าทรัพย์สิน ได้มีการประเมินราคาทั่วไปโดยกรมที่ดิน ซึ่งมีมูลค่าที่ชัดเจน และข้าพเจ้าก็ได้แสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สินฯต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทุกครั้ง ยกเว้นที่ดินแปลงที่ไม่มีเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ ซึ่งเป็ฯที่ดินมือเปล่าที่คุณปู่ คุณพ่อของข้าพเจ้าครอบครองทำกินทางการเกษตร โดยได้เข้าไปพัฒนาที่ดินดังกล่าว ปลูกพืชผลทางการเกษตร เป็นไม้ยืนต้น ทั้งยางพารา และปาล์มน้ำมัน จนกระทั่งปัจจุบันข้าพเจ้าเป็นผู้ประกอบเกษตรกรรมบนที่ดินดังกล่าวด้วยตัวเอง สืบทอดจากบิดา ทั้งนี้ข้าพเจ้าได้แจ้งรายละเอียดไว้เป็นประมาณรายได้ ซึ่งถูกต้องตรงตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทุกประการ” นายสาคร ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ ทช. เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว นายศักดิ์ดา วิเชียรศิปล์ รองอธิบดี ทช. ให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองจิหลาด มีพื้นที่ 14,248 ไร่ ถูกบุกรุกโดยการเข้าไปทำนากุ้ง จำนวน 131 ไร่ เศษ เจ้าของแท้จริง คนในพื้นที่รู้กันดีว่าเป็นนักการเมืองระดับชาติ และเอกสารที่นำมาแสดง ทั้ง สค.1 และโฉนดที่ดิน น่าจะเป็นการออกโดยมิชอบ โดยเฉพาะโฉนดทั้ง 2 ฉบับที่ระบุว่าออกในปี 2549 ไม่น่าจะออกได้ ทั้งนี้ สันนิษฐานเบื้องต้นว่า การออกโฉนดในปี 2549 น่าจะเป็นการเดินสำรวจ ซึ่งไม่สามารถมาสำรวจในพื้นที่ป่าได้
ดังนั้น กรมที่ดินจะต้องเพิกถอน รวมทั้งสิ้น 24 ไร่ ตามหลักฐานที่นำมาแสดง ส่วนอีกราว 80 กว่าไร่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ทช.จึงได้แจ้งความดำเนินคดี และห้ามดำเนินการต่อแล้ว