นายกฯชี้วิกฤติอาหารโลก โอกาสข้าวไทย วอนชาวนารักษาพื้นที่
5 มิถุนายนนอกจากเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ยังเป็น “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ”เมืองไทยยังคงมีพื้นที่ปลูกข้าว 60 ล้านไร่ ชาวนากว่า 3.7 ล้านครัวผลิตข้าวเลี้ยงคนทั้งประเทศและส่งออกครองแชมป์ โลกมา 20 ปี นายกฯยืนยันไม่ทอดทิ้งชาวนา โชว์นโยบายประกันราคามาถูกทาง ชี้ข้าวไทยยังมีอนาคต วอนชาวนาช่วยกันรักษาพื้นที่เป็นมรดกลูกหลาน บอก ผลักดัน พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ ส่วนกฏหมายสวัสดิการชาวนายังไม่มีคำตอบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวทางสถานีโทรทัศน์แห่ง ประเทศไทยว่าเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระอนุชาธิราช หรือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงหว่านข้าวที่แปลงนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ค.ร.ม.จึงมีมติเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.52 ให้วันที่ 5 มิ.ย.ของทุกปี เป็น “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ” เพื่อให้คนไทยตระหนักความสำคัญของข้าว เชิดชูชาวนา ให้ลูกหลานชาวนารุ่นใหม่ภูมิใจสืบทอดอาชีพบรรพบุรุษ
“ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวประมาณ 60 ล้านไร่ ผลิตข้าวทั้งนาปีนาปรังปีละประมาณ 30 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 20 ล้านตันข้าวสาร ซึ่งเพียงพอบริโภคภายในประเทศและเหลือส่งออกปีละประมาณ 8-10 ล้านตันข้าวสาร สร้างรายได้เข้าประเทศปีละประมาณ 200,000 ล้านบาท น่าภูมิใจว่าไทยส่งข้าวออกสูงสุดของโลกติดต่อกันมากว่า 20 ปีแล้ว ทุกวันนี้ข้าวไทยเป็นที่ยอมรับว่าคุณภาพดี เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของประเทศ เกียรติคุณนี้มาจากความวิริยะอุตสาหะของชาวนาไทยประมาณ 3 ล้าน 7 แสนครอบครัว”
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพยายามยกระดับรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตชาวนาให้ดีขึ้น งานสำคัญอย่างหนึ่งคือการจัดระบบตลาดข้าวใหม่โดยใช้โครงการประกันรายได้ เกษตรกรแทนระบบรับจำนำข้าวแบบเดิม ซึ่งช่วยให้ชาวนาได้รับประโยชน์โดยตรงและทั่วถึง และเป็นการส่งเสริมระบบตลาดเสรีที่ราคาสะท้อนความต้องการสินค้าเกษตรที่แท้ จริง เกิดความเป็นธรรมในการซื้อขายและระบบตลาดยั่งยืน นอกจากนี้ยังส่งเสริมการทำบัญชีครัวเรือน ปรับปรุงพันธุ์ข้าว แปรรูปเพิ่มมูลค่า ปรับปรุงระบบชลประทาน
ทั้งนี้เมื่อวานนี้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีมอบเข็มเชิดชูเกียรติแก่ชาวนาและองค์กรชาวนาดีเด่น และกล่าวว่าวิกฤติ การณ์อาหารโลกซึ่งเกิดจากประชากรที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พื้นที่เกษตรได้รับผลกระทบจากการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีการนำที่ดินไปใช้ ประโยชน์อื่น และโลกร้อนซึ่งกระทบต่อการผลิตอาหาร เป็นทั้งจุดเปลี่ยนและโอกาสเกษตรกรไทย ซึ่งเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่ผลิตอาหารเกินความต้องการภายในและส่งออกได้ อย่างมั่นคง รัฐบาลมั่นใจว่าภาคเกษตรของไทยจะกลับมามีความสำคัญมากขึ้น
“และจะเสริมด้วยมาตรการนโยบายที่ทำให้ชาวนาเห็นอนาคต สิ่งหนึ่งคือการเผยแพร่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ โครงการตามแนวพระราชดำริ ซึ่งทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งที่อาจไม่ต้องการเข้ามาอยู่ในระบบเศรษฐกิจหลัก อยู่ได้อย่างมีคุณภาพ อยู่กับชุมชนและธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน”
นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือทุกฝ่ายช่วยกันส่งเสริมสนับสนุน แก้ปัญหาชาวนาอย่างจริงจัง ซึ่งรัฐบาลจะไม่ทอดทิ้ง และขอให้ชาวนาช่วยกันเก็บรักษาพื้นที่ทำนาไว้เป็นมรดกสู่ลูกหลาน นอกจากนี้ยังเตือนสถานการณ์เร่งด่วนคือวิกฤติน้ำซึ่งขณะนี้น้ำในเขื่อนหลัก อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบหลายสิบปี ทำให้คาดการณ์ว่าช่วงครึ่งปีหลังต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า การทำนาปีในพื้นที่ชลประทานและนาปรังรอบแรกของปีต่อไปจะได้รับผลกระทบ ซึ่งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์และเร่งช่วยเหลือ เช่น การทำฝนเทียม กระทรวงเกษตรฯยังได้เตรียมโครงการส่งเสริมอาชีพรองรับเพื่อให้เกษตรกรมีราย ได้เสริม
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกฎหมายกองทุนสวัสดิการชาวนาว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐบาล แต่ขณะนี้กำลังผลักดันโครงการกองทุนเงินออมแห่งชาติ ซึ่งเป็นการเปิด โอกาสให้ประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในระบบราชการและไม่มีประกันสังคม ซึ่งรวมถึงเกษตรกรชาวนา สามารถออมเงินและรัฐบาลร่วมสมทบอีกส่วนเพื่อเป็นกองทุนไว้ในยามชรา รวมทั้งกำลังมีการผลักดันการประกันภัยธรรมชาติ
ด้าน นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว ว่า กระทรวงฯได้จัดงานวันข้าวและชาวนาแห่งชาติขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 มิ.ย.53 ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ อ.คลองหลวง ปทุมธานี มีกิจกรรม เช่น นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติในหลวง การเชิดชูเกียรติชาวนา พิธีสู่ขวัญข้าวและรับขวัญชาวนา การเสวนา ศิลปวัฒนธรรมข้าว การจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว .