ก.ล.ต.สั่งปรับ 447 ล.! 9 ผู้ต้องหาคดีปั่นหุ้น‘สหโมเสคฯ’-ร้องดีเอสไอสอบ
ก.ล.ต. สั่งปรับรวม 447 ล้าน! 9 ผู้ต้องหาคดีปั่นหุ้น ‘สหโมเสคฯ’ หลัง ตลท.พบ อดีต ผอ.การตลาด ‘คันทรี่กรุ๊ป’-พวก สร้างราคาและปริมาณซื้อขายหุ้นในลักษณะอำพราง ร้องดีเอสไอสอบแล้ว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า คณะกรรมการเปรียบเทียบปรับ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีมติเปรียบเทียบผู้กระทำผิด 9 ราย กรณีสร้างราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นบริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ UMI รวมวงเงินทั้งสิ้น 447,263,780 บาท โดยความผิดดังกล่าวเป็นสืบเนื่องจากที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2559 เพื่อให้ดำเนินคดีกับตัวการร่วมอีก 4 ราย ที่ไม่ยินยอมเข้ารับการเปรียบเทียบความผิดกรณีสร้างราคาหุ้น UMI
สำหรับผู้กระทำความผิดทั้ง 9 รายได้แก่ ตัวการร่วม 5 ราย (1) นายแฉล้ม เสมสฤษดิ์ (2) นายพรหมกรรณ ศรีณรงค์ (3) นางกชพร สิงห์ทอง (4) นายชูเกียรติ สิงห์ทอง (5) นายปราบภณ สิงห์ทอง และผู้สนับสนุน 4 ราย ได้แก่ (6) นายประเศียร คงบุญ (7) นางสาวศิริกร ทองสาหร่าย (ขณะเกิดเหตุชื่อนางสาวภัฑริกา คงบุญ) (8) นายสมชาย คงบุญ และ (9) นายสมจิตร สะใบบาง
กรณีนี้ ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่านายแฉล้มซึ่งขณะเกิดเหตุเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของบริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ รวมถึงนายพรหมกรรณ นางกชพร นายชูเกียรติ และนายปราบภณ ได้ตกลงหรือร่วมรู้เห็นกับตัวการร่วมอีก 4 ราย ที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษไปแล้วก่อนหน้านี้ ในการใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์จำนวนหลายบัญชี เพื่อสร้างราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้น UMI ระหว่างวันที่ 9 มกราคม 2556 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ในลักษณะอำพราง เพื่อให้บุคคลทั่วไปหลงผิดไปว่าหุ้น UMI มีการซื้อขายกันมาก ผ่านการซื้อขายในลักษณะต่อเนื่องจนผิดไปจากสภาพปกติของตลาด โดยได้รับการสนับสนุนและช่วยเหลือจากนายประเศียร นางสาวศิริกร นายสมชาย และนายสมจิตร ซึ่งยินยอมให้ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อการนั้น
ทั้งนี้ ราคาปิดของหุ้น UMI ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 เท่า จากราคาหุ้นละ 7.75 บาท เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2556 ไปปิดที่ราคา 38.75 บาท ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ส่วนปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 9 เท่า จากวันละ 3 ล้านหุ้น เป็น 30 ล้านหุ้น
การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 243 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ประกอบกับมาตรา 83 และมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกิน 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ แต่ต้องไม่น้อยกว่า 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
คณะกรรมการเปรียบเทียบจึงเปรียบเทียบนายแฉล้มเป็นเงินจำนวน 72,186,747.45 บาท เปรียบเทียบนายพรหมกรรณ นางกชพร นายชูเกียรติ และนายปราบภณ เป็นเงินจำนวนรายละ 56,261,554.95 บาท และเปรียบเทียบนายประเศียร นายสมชาย นางสาวศิริกร และนายสมจิตร เป็นเงินจำนวนรายละ 37,507,703.30 บาท
นอกจากนี้ นายแฉล้มยังต้องห้ามเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนและขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ดังนั้น ก.ล.ต. จึงสั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์และกำหนดระยะเวลาต้องห้ามเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนของนายแฉล้มเป็นเวลา 10 ปี
อนึ่ง ในกรณีที่ผู้ถูกเปรียบเทียบไม่ชำระค่าปรับภายในเวลาที่คณะกรรมการเปรียบเทียบกำหนด ก.ล.ต. จะกล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษต่อไป