แจ้งจับยกก๊วนยักยอกข้าวรัฐ
อคส.แจ้งกองปราบฯ เอาผิดเจ้าของโกดัง-เซอร์เวเยอร์ หลังพบข้าว 4.5 หมื่นตัน ที่ จ.ชัยนาท ผิดสเปก
พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ อคส. ได้แจ้งความต่อกองปราบปรามกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อดำเนินคดีเจ้าของโกดัง บริษัทเซอร์เวเยอร์ และผู้สมรู้ร่วมคิดทุกรายในข้อหายักยอกทรัพย์ของหลวงในโกดังเก็บข้าวของบริษัท สุพรีมไลฟ์ เอเจนซี่ หลังที่ 3 จ.ชัยนาท หลังจากบริษัท ชิงตั๊ก ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลข้าวเหนียวในโกดังดังกล่าว แต่ปรากฏว่าเมื่อเปิด โกดังเพื่อขนข้าวออกกลับพบว่าข้าวที่อยู่ ในโกดังไม่ใช่ข้าวเหนียวแต่เป็นข้าวเจ้า
"บริษัท ชิงตั๊ก ยื่นหนังสือถึง อคส. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้เข้าไปตรวจสอบการทำงานของโรงสี บริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว และเจ้าหน้าที่ อคส. เพราะอาจมีการทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ จากนั้น อคส.ได้เข้าไปตรวจสอบเบื้องต้น ซึ่งพบว่าข้าวในโกดังที่ จ.ชัยนาท เป็นข้าวผิดประเภทจริงๆ ทั้งๆ ที่ตอนรับจำนำข้าวสีแปรสภาพ จากข้าวเปลือกเป็นข้าวสารและส่งมอบเข้าโกดังนั้น มีการลงบัญชีเป็นข้าวเหนียว แต่เมื่อไปตรวจสอบพบว่าเป็นข้าวเจ้า รวมทั้งพบความผิดปกติหลายจุด เช่น เจ้าของโกดังนำพื้นที่ไปให้บุคคลอื่นเช่าช่วงต่อ ดังนั้น อคส.จะต้องดำเนินการเอาผิดกับคู่สัญญาที่รับเก็บข้าวของ อคส. คือเจ้าของโกดังและเซอร์เวเยอร์" พล.ต.ต.ไกรบุญ กล่าว
พล.ต.ต.ไกรบุญ กล่าวว่า อคส.จะเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดข้าวที่อยู่ในโกดังอีกครั้ง ว่ากรณีที่พบข้าวผิดชนิดดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนหรือหลัง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าไปตรวจสอบโกดังข้าวทั่วประเทศเมื่อเดือน ก.ค. 2557 เพราะหากเป็นช่วงหลังการตรวจสอบไปแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาร่วมถือกุญแจเปิด-ปิดโกดังด้วย "ถ้าพบว่ามีการทุจริต อคส.จะดำเนินการตามกฎหมายทั้งอาญาและแพ่ง ซึ่งถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดทรัพย์ด้วย เพราะเป็นความผิดฐาน ฟอกเงิน ส่วนเจ้าหน้าที่ อคส.ที่เคยประจำ ที่โกดังแห่งนี้ได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว ถ้าพบมีความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอาญา แต่คงเอาผิดวินัยไม่ได้แล้ว" พล.ต.ต. ไกรบุญ กล่าว
สำหรับการส่งมอบข้าวให้บริษัท ชิงตั๊ก ที่จ่ายเงินค่าข้าวงวดแรก 30 ล้านบาทมาแล้วนั้น อคส.ขอให้บริษัทรับข้าวเหนียวจากโกดังอื่นแทน แต่บริษัทไม่ต้องการข้าวจากโกดังอื่น ดังนั้น อคส.จึงต้องเข้าไปตรวจสอบก่อน หากพบว่าข้าวส่วนใดเป็นข้าวเหนียวก็ให้ขนออกไป
ขอบคุณข่าวจาก