เปิดคำให้การ‘บ.ไร่ส้ม-สรยุทธ’คดีปลอมเอกสาร-มัดโอนเช็คให้‘พิชชาภา’ 7.2 แสน
เปิดคำให้การ ‘บ.ไร่ส้มฯ-สรยุทธ’ คดีปลอมเอกสารใช้น้ำยาลบคำผิดคิวโฆษณาเกินเวลา ปฏิเสธทุกข้อหา อ้างไม่รู้ไม่เห็น คนทำคือฝ่าย อสมท ยันเปิดเผยผ่านการตรวจสอบทุกอย่าง ไม่ได้ปกปิด แต่รับมีโฆษณาเกินเวลาจริง โอนเช็คชดใช้แล้ว ด้าน ผช.ผจก.แบงก์ ให้การมัด เช็ค 7 ใบ เข้าบัญชี ‘พิชชาภา’
หลายคนอาจทราบไปแล้วว่า นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ‘อดีต’ พิธีกร-นักเล่าข่าวชื่อดัง กับพวก ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในอีกคดีหนึ่งนอกเหนือจากร่วมสนับสนุนการกระทำทุจริตของพนักงานในองค์การของรัฐที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุกไปแล้ว คือคดีฉ้อโกง และปลอมเอกสารทำให้บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้รับความเสียหายจากการใช้น้ำยาลบคำผิดค่าโฆษณาเกินเวลากว่า 138 ล้านบาท
โดยคดีดังกล่าวอธิบดีอัยการคดีอาญาพิเศษ ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาคดีดังกล่าวว่าจะฟ้องหรือไม่ (ความเห็นของพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง มีความเห็นให้สั่งฟ้อง) โดยในวันที่ 2 มิ.ย. นี้ จะแถลงผลสรุปให้สาธารณชนได้รับทราบถ้วนหน้า
(อ่านประกอบ : โอนเช็คตอบแทนค่าโฆษณาเกินเวลา! เปิดสำนวนสอบ‘สรยุทธ-พวก’คดีปลอมเอกสาร)
ไม่ว่าข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวจะเป็นอย่างไร ?
แต่มีประเด็นหนึ่งที่พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนแล้วพบข้อเท็จจริงประการหนึ่งคือ มีการโอนเช็คจำนวน 7 ใบ จากบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ลงนามโดยนายสรยุทธ สั่งจ่ายนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด (หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา) อดีตพนักงาน อสมท เพื่อเป็น ‘ค่าตอบแทน’ ในการปกปิดการกระทำความผิดดังกล่าว
เพื่อขยายความให้ชัดขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำคำให้การของบริษัท ไร่ส้มฯ นายสรยุทธ และพนักงานธนาคารมาให้สาธารณชนรับทราบ ดังนี้
บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ผู้ต้องหาที่ 1 (โดย น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ้ม (ผู้ต้องหาที่ 2) และ น.ส.อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ (ผู้ต้องหาที่ 3) กรรมการบริษัท)
บริษัท ไร่ส้มฯ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยให้การยืนยันว่า บริษัท ไร่ส้มฯ ได้จัดทำสัญญาร่วมดำเนินรายการกับ อสมท เพื่อดำเนินรายการ ‘คุยคุ้ยข่าว’ จำนวน 7 สัญญา ในการติดต่อประสานงานกับ อสมท เกี่ยวกับการจัดส่งใบคิวโฆษณานั้น ได้มอบหมายให้ น.ส.มณฑา ธีระเดช (ผู้ต้องหาที่ 5) พนักงานบริษัทฯ ดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งในระยะแรกการดำเนินรายการตามสัญญาไม่มีปัญหาขัดข้องแต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อประมาณต้นเดือน มี.ค. 2548 บริษัท ไร่ส้มฯ ได้รับแจ้งจาก น.ส.มณฑา ว่า อสมท ได้แจ้งให้ทราบว่า รายการคุยค้ยข่าวซึ่งมีการออกอากาศไปนั้น มีโฆษณาเกินเวลาอยู่ด้วย บริษัท ไร่ส้มฯ จึงได้ดำเนินการติดต่อประสานงานกับทาง อสมท เพื่อเจรจาชดใช้เงินค่าโฆษณาส่วนเกิน เพื่อให้มีหลักฐานการเจรจาดังกล่าว บริษัท ไร่ส้มฯ ได้ทำหนังสือโดยระบุในหนังสือว่า ขอซื้อโฆษณาส่วนเกิน และมีการชำระเงินโฆษณาส่วนเกินให้กับ อสมท แล้ว
ต่อมาบริษัท ไร่ส้มฯ ได้ดำเนินรายการคุยคุ้ยข่าวและมีการออกอากาศตามปกติทุกวัน โดย น.ส.มณฑา เป็นผู้ติดต่อประสานงานกับทาง อสมท เช่นเดิม ซึ่งไม่มีปัญหาหรือขัดข้องแต่อย่างใด
จนกระทั่งต่อมา น.ส.มณฑา ได้แจ้งทางวาจาให้บริษัท ไร่ส้มฯ ทราบว่า อสมท ตรวจสอบพบว่า รายการคุยคุ้ยข่าวมีการโฆษณาเกินเวลาอีก บริษัท ไร่ส้มฯ จึงประสานงานทาง อสมท เพื่อตรวจสอบจำนวนเวลาที่เกินไปให้แน่ชัด เพื่อจะได้ทำการเจรจาชดใช้เงินในส่วนที่เกินให้ อสมท ต่อไป
โดยบริษัท ไร่ส้มฯ ได้ขอเอกสารใบคิวโฆษณาจาก อสมท เพื่อมาตรวจสอบ ซึ่งผลการตรวจสอบปรากฏว่ามีการโฆษณาเกินเวลาจริง แต่ในส่วนที่เกินเวลานั้นปรากฏว่า มีการนำโฆษณาอื่น ๆ ซึ่งมิใช่โฆษณาของบริษัท ไร่ส้มฯ และมิใช่ของ อสมท (โฆษณาผี) มารวมอยู่ในใบคิวโฆษณาส่วนเกินของรายการคุยคุ้ยข่าวอยู่ด้วย บริษัท ไร่ส้มฯ จึงแจ้งให้ อสมท ทำการตรวจสอบโฆษณาผีดังกล่าว และทราบจาก อสมท ว่า ได้ตรวจสอบแล้ว พบว่า มีโฆษณาผีรวมอยู่ในโฆษณาส่วนเกินของบริษัท ไร่ส้มฯ จริง จากนั้นมีการเจรจาชดใช้เงินค่าโฆษณาส่วนเกินให้กับทาง อสมท โดย อสมท ได้หักค่าโฆษณาผีออกจากโฆษณาส่วนเกินของบริษัท ไร่ส้มฯ
ต่อมา บริษัท ไร่ส้มฯ ได้จ่ายเงินโฆษณาส่วนเกินให้กับ อสมท เรียบร้อยแล้ว โดยจ่ายเป็นเช็คธนาคารธนชาต จำนวน 7 ฉบับ ได้แก่ สั่งจ่ายวันที่ 4 ต.ค. 2548 4,888 บาท สั่งจ่าย 4 ต.ค. 2548 13,556 บาท สั่งจ่าย 19 ต.ค. 2548 4,888 บาท สั่งจ่าย 23 พ.ย. 2548 81,072 บาท สั่งจ่าย 15 ธ.ค. 2548 169,444 บาท สั่งจ่าย 14 ก.พ. 2549 147,105 บาท และสั่งจ่าย 28 เม.ย. 2549 299,574 บาท (รวมเป็นเงิน 720,527 บาท)
(คำให้การส่วนนี้ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงในส่วนอื่นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าโฆษณาที่เกินเวลาถึง 138 ล้านบาท แต่กลับใช้เงินคืนแค่ 7.2 แสนบาท อ่านรายละเอียดด้านล่าง)
นอกจากนี้บริษัท ไร่ส้มฯ ยังให้การยืนยันว่า การปลอมเอกสารของกลางในคดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท ไร่ส้มฯ น.ส.สุกัญญา น.ส.อังคณา นายสรยุทธ (ผู้ต้องหาที่ 4) และ น.ส.มณฑา แต่อย่างใด เนื่องจากเอกสารใบคิวโฆษณาที่มีการปลอมนั้น เป็นฉบับที่มีการส่งไปให้ อสมท ทางโทรสาร (แฟกซ์) เท่านั้น โดยขั้นตอนการปลอมอยู่ที่ปลายทางของแฟกซ์คือ อสมท ส่วนต้นทางของเอกสารที่ส่งไปคือ บริษัท ไร่ส้มฯ ไม่มีการปลอมแต่อย่างใด บริษัท ไร่ส้มฯ มีที่ตั้งอยู่ห่างไกลจาก อสมท ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องด้วย
นอกจากนี้ บริษัท ไร่ส้มฯ น.ส.สุกัญญา น.ส.อังคณา นายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา ไม่ได้ทำงานอยู่ใน อสมท และไม่ได้อยู่ด้วยในขณะมีการปลอมเอกสาร จึงไม่อาจสมรู้ร่วมคิด และไม่อาจช่วยเหลือผู้ทำการปลอมเอกสารได้ในขณะกระทำผิด จึงไม่สามารถเป็นตัวการร่วมด้วยในความผิดดังกล่าว และถึงแม้จะมีการปลอมเอกสารของกลาง ก็ไม่อาจเกิดความเสียหายต่อประชาชนหรือบุคคลอื่นแต่อย่างใด เนื่องจากเอกสารดังกล่าวเป็นเพียงสำเนาเอกสารที่ได้มาจากการส่งแฟกซ์ และ อสมท มีการทำสำเนาเอกสารไว้ก่อนมีการปลอมถึง 16 ชุด แจกจ่ายไปยังฝ่ายต่าง ๆ ของ อสมท ส่วนต้นฉบับเอกสารยังอยู่ที่บริษัท ไร่ส้มฯ และยังสามารถหาได้จากบริษัทที่ทำการตรวจสอบและจัดเก็บของมูลการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ (ใบ BR) อีกด้วย
อีกทั้งมูลคดีที่เกิดขึ้นในคดีนี้เป็นเรื่องพิพาทกันตามสัญญาร่วมดำเนินรายการโทรทัศน์ ในทางแพ่งซึ่งมีการแฟกซ์ใบคิวโฆษณาให้กับ อสมท อย่างเปิดเผย และฝ่าย อสมท ได้นำใบคิวโฆษณาที่มีการส่งแฟกซ์ไปให้ดังกล่าว นำไปจัดรูปเล่มคิวโฆษณารวม ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบของฝ่ายต่าง ๆ จนกระทั่งมีการโฆษณาออกอากาศไปทุกวัน อันเป็นการแสดงเจตนาดำเนินการอย่างเปิดเผย ไม่มีการปกปิดข้อเท็จจริง อันจะทำให้มีมูลฉ้อโกงในทางอาญาแต่อย่างใด
นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา
ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ ตนเป็นกรรมการของบริษัท ไร่ส้มฯ โดยระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 2548-31 ธ.ค. 2549 บริษัท ไร่ส้มฯ ได้ร่วมทำสัญญาดำเนินรายการคุยคุ้ยข่าว ซึ่งมีตนเป็นพิธีกรดำเนินรายการ โดยมอบหมายให้ น.ส.มณฑา ติดต่อกับ อสมท เพื่อเสนอคิวโฆษณาจนถึงกลางเดือน ก.ค. 2549 หากแต่ น.ส.สุกัญญา ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับการบริหารของบริษัท ไร่ส้มฯ แต่อย่างใด นอกจากนั้นให้การสอดคล้องกับคำให้การของบริษัท ไร่ส้มฯ ในสาระสำคัญทุกประการ
นี่คือคำให้การของบริษัท ไร่ส้มฯ-นายสรยุทธ ที่ขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา (ดูเอกสารประกอบ)
อย่างไรก็ดีมีข้อเท็จจริงที่ปรากฏคือ มีการสั่งจ่ายเช็คธนาคารธนชาต 7 ใบ รวมวงเงินประมาณ 720,527 บาท โดยบริษัท ไร่ส้มฯ อ้างว่า เพื่อชดใช้เงินค่าโฆษณาเกินเวลา โดยโอนให้กับ อสมท โดยตรง
แต่จากการตรวจสอบคำให้การของพนักงานธนาคาร 2 ราย พบข้อเท็จจริงที่ต่างกันไป ดังนี้
นายภาดล ภาณุรัตน์โสภณ พยาน
ให้การว่า พยานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารธนชาต สาขาวิบูลย์ธานี (พระราม 4) ตรวจสอบแล้วพบว่า บัญชีที่บริษัท ไร่ส้มฯ สั่งจ่ายเช็คนั้น เป็นบัญชีกระแสรายวัน โดยนายสรยุทธ กรรมการผู้มีอำนาจขอเปิดบัญชีดังกล่าวในนามบริษัทฯ มีการขอใช้เช็คเพื่อทำธุรกรรมสั่งจ่ายเงินไว้ มี น.ส.อังคณา มีอำนาจสั่งจ่ายเพียงผู้เดียว ลงลายมือชื่อพร้อมประทับตราบริษัทฯ
โดยตรวจสอบแล้วเช็คจำนวน 7 ฉบับดังกล่าว มีการเรียกเก็บเงินเรียบร้อยแล้ว เพื่อนำเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารทหารไทย สาขาถนนพระราม 9 (เซ็นทรัลพลาซ่าพระราม 9) โดยมีนางพิชชาภา เป็นเจ้าของบัญชี
น.ส.ปราณี เดี่ยวพานิช พยาน
ให้การว่า พยานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารทหารไทย สาขาเซ็นทรัลพลาซ่าพระราม 9 ตรวจสอบแล้วบัญชีนางพิชชาภาที่รับเช็คนั้น เป็นบัญชีกระแสรายวัน มีนางพิชชาภาเป็นผู้เปิดบัญชีดังกล่าว
โดยเช็คธนาคารธนชาต สาขาพระราม 4 ซึ่งบริษัท ไร่ส้มฯ ได้สั่งจ่ายจำนวน 7 ฉบับ ให้นางพิชชาภา ได้ถูกเรียกเก็บเงินแล้ว เข้าสู่บัญชีของนางพิชชาภา (ดูเอกสารประกอบ)
จากคำให้การของพยานที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารทั้งสองแห่ง สรุปได้ว่า เช็คที่บริษัท ไร่ส้มฯ สั่งจ่าย 7 ฉบับ รวมวงเงินกว่า 7.2 แสนบาท โดยอ้างว่าจ่ายชดใช้ค่าโฆษณาเกินเวลาให้กับ อสมท นั้น แท้จริงแล้วเป็นการโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของนางพิชชาภา ไม่ได้โอนเข้า อสมท แต่อย่างใด ?
ขณะเดียวกันค่าโฆษณาเกินเวลาที่ อสมท สรุป คือกว่า 138 ล้านบาท ไฉนบริษัท ไร่ส้มฯ จึงโอนคืนแค่ 7.2 แสนบาท ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การของบริษัท ไร่ส้มฯ และนายสรยุทธ อย่างมาก !
ขณะที่ความเห็นของพนักงานสอบสวน สรุปตอนหนึ่งทำนองว่า ในการติดต่อประสานงานการส่งเอกสารใบคิวโฆษณาเกินเวลาระหว่าง น.ส.มณฑา กับนางพิชชาภานั้น นายสรยุทธ ได้ออกเช็คธนาคารธนชาต สาขาถนนพระราม 4 จำนวน 7 ฉบับ สั่งจ่ายเงินและมอบให้กับนางพิชชาภา เป็นการตอบแทน
ซึ่งกรณีนี้ในชั้นการไต่สวนของคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ก็ตรวจสอบพบเช่นเดียวกัน !
ส่วนอีกประเด็นหนึ่งที่บริษัท ไร่ส้มฯ อ้างว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการใช้น้ำยาลบคำผิดค่าโฆษณาเกินเวลา โดยให้การว่า การกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นที่ปลายทางการส่งแฟกซ์ (อสมท) ไม่ใช้ต้นทาง (บริษัท ไร่ส้มฯ) แต่อย่างใด
ขณะที่การตรวจสอบของ อสมท พบว่า นางพิชชาภา ได้ทำให้เสียหายหรือทำลายเอกสารใบคิวโฆษณาเกินเวลาไปบางส่วนรวม 138 ฉบับ ด้วยวิธีการใช้น้ำยาลบคำผิดป้ายลบข้อความและตัวเลขในส่วนที่มีการระบุโฆษณาเกินเวลาบางส่วนในเอกสารดังกล่าว จากนั้นได้นำเอกสารที่มีการลบแล้วนำไปถ่ายสำเนาเอกสารไว้ แล้วนางพิชชาภาได้นำสำเนาเอกสารที่มีการลบและถ่ายสำเนาไว้รวม 138 ฉบับ นำไปยื่นแสดงต่อ น.ส.อัญญา โดยรวมไปกับใบคิวโฆษณาเกินเวลาที่ยังไม่ได้มีการลบข้อความและตัวเลขออกไป โดยอ้างว่า ตนได้ทำการตรวจสอบเอกสารใบคิวโฆษณาเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้มฯ แล้ว มียอดโฆษณาเกินเวลารวมเป็นเงินประมาณ 60 ล้านบาทเศษ
ซึ่งต่างกับผลการตรวจสอบของนางสิริไพบูลย์ หรือปิยะนาถ ไชยพิมล ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ตรวจสอบอีกทางหนึ่ง และพบว่า มียอดโฆษณาเกินเวารวมเป็นเงิน 138,790,000 บาท
ล่าสุด แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ระบุว่า คณะทำงานได้ประชุมเรื่องดังกล่าวและมีผลสรุปเรียบร้อย โดยส่งรายงานให้กับอธิบดีอัยการคดีอาญาพิเศษลงนามในช่วงบ่ายวันนี้ (1 มิ.ย. 2559) ก่อนจะแถลงข่าวกับสื่อมวลชนในวันที่ 2 มิ.ย.นี้
อ่านประกอบ :
ลบคิวโฆษณา 130 ใบ! มัด‘สรยุทธ-พวก’ คดีปลอมเอกสาร-จับตารอดหรือถูกฟ้อง?
เบื้องหลัง! ‘สรยุทธ’โดนฟ้องอีกคดีปมปลอมเอกสารโกงค่าโฆษณา 138 ล.
ไม่รอลงอาญา! ศาลสั่งจำคุก 'สรยุทธ-พวก' 13 ปี 4 เดือน คดีไร่ส้ม
อสมท สั่งช่อง 3 ระงับทุกรายการ! ข้อมูลใหม่เบื้องหลัง สรยุทธ ยุติบทบาทสื่อ
จนกว่าจะพบกันใหม่ 'สรยุทธ' โพสต์ IG ยุติบทบาทการเป็นพิธีกรช่อง 3
เปรียบพ่อแม่กำกับลูก! ‘สุภิญญา’จี้ช่อง 3 พักงาน‘สรยุทธ’ชี้คดีสินบนเรื่องใหญ่
กสทช.เชิญผู้บริหาร ช่อง 3 เเจงปม 'สรยุทธ' 7 มี.ค. 59
มติช่อง 3 ไฟเขียว‘สรยุทธ’จัด‘เรื่องเล่าเช้านี้’ตามปกติ-ลั่นสู้คดีไร่ส้ม
อนุฯเนื้อหา กสทช.เชิญผู้บริหารช่อง 3 ถกปม‘สรยุทธ’หลังศาลสั่งคุก 13 ปี
คำพิพากษาทางการ! คดี‘สรยุทธ’โฆษณาเกินเวลา อสมท เสียหาย 138 ล.
‘สรยุทธ-พวก’วางเงินสด 2 ล.! ศาลปล่อยตัวชั่วคราวหลังคุก 13 ปี-ห้ามบินนอก
ไม่รอลงอาญา! ศาลสั่งจำคุก 'สรยุทธ-พวก' 13 ปี 4 เดือน คดีไร่ส้ม