5 พรรคใหญ่ ประชันนโยบายปากท้องรากหญ้า
ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ จัดสัมมนา “ท้าความคิด ประชันนโยบายปากท้องกับ 5 พรรคการเมือง” โดยมีตัวแทนทีมเศรษฐกิจจาก 5 พรรคการเมืองใหญ่เข้าร่วม
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยมองการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจตามการเปลี่ยนแปลงของโลก และจะทำให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งดำเนินการสร้างโครงการเมืองใหม่ให้สำเร็จ และเดินหน้าโครงการทำบัตรเครดิตการ์ดให้แก่เกษตรกร เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการลงทุนผลิต โดยไม่คิดอัตราดอกเบี้ย
นายพิชัย ยังระบุอีกว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายขจัดความยากจนเพื่อให้ประชาชนกินดีอยู่ดี มีโอกาสมีงานทำมีรายได้เหมาะสมกับการดำรงชีพ พรรคจะเร่งพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศเพื่อให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น และพัฒนาศักยภาพภาคการผลิตและทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้แข่งขันบนเวทีโลกได้ พร้อมสร้างความสมดุลและความมั่นคงเศรษฐกิจไทย ลดความเสี่ยงต่อความอ่อนไหวและผันผวนของเศรษฐกิจโลก
นายเกษมสันต์ วีระกุล ตัวแทนจากพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่าที่ผ่านมาการพัฒนาระบบเศรษฐกิจไทยเป็นไปอย่างไม่เป็นระบบ ซึ่งต่อจากนี้ไปประเทศไทยจะต้องมียุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจที่ชัดเจน และประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ร่วมกัน และสิ่งที่มีจำความจำเป็นเร่งด่วนคือประกาศแผนปรองดองแห่งชาติ ประกาศให้คณะรัฐมนตรีหยุดทุจริต 1 ปี เพื่อนำเงินมาพัฒนาประเทศ กำหนดยุทธศาสตร์ประเทศไทย เอานโยบายมาเรียงลำดับความสำคัญแล้วเดินหน้าพัฒนา โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมรู้เห็นทุกขั้นตอน
นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ทีมเศรษฐกิจพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า หากพรรคได้จัดตั้งรัฐบาลสิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ เน้นการพัฒนาประชาชนระดับรากหญ้า โดยเน้นสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร พรรคภูมิใจไทยสนับสนุนแนวทางประกันราคาพืชผลทางการเกษตร เพราะเชื่อว่าเกษตรกรน่าจะได้รับประโยชน์มากกว่าระบบจำนำสินค้าเกษตร
ส่วนนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ได้กลับมาเป็นรัฐบาลจะเดินหน้านโยบายประกันรายได้เพื่อ ตอบโจทย์เกษตรกรให้มากขึ้น รวมทั้งการเพิ่มรายได้แรงงานร้อยละ 25 ใน 2 ปี และปรับฐานเงินเดือนเป็น 15,000 บาท รวมทั้งจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ เพิ่มบำนาญให้กับประชาชนและ ดึงประชาชนเข้าสู่ระบบประกันรายได้ โดยรัฐเป็นผู้สมทบเงินประกัน
นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร ตัวแทนพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่าสิ่งแรกที่จะทำหากได้เป็นรัฐบาลคือ การปรับลดหนี้ให้แก่เกษตรกร การเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ พรรคยังเน้นการกำกับดูแลราคาพลังงานให้เป็นธรรม ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยจะควบคุมราคาน้ำมันเบนซิน ไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร โดยใช้กลไกภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาดูแลให้เกิดความ เหมาะสมและเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งจะมีการพักหนี้ให้แก่เกษตรกรที่ได้ผลกระทบจากภัยพิบัติด้วย