ลงมือแล้ว! สร้างปอเนาะญิฮาดแห่งใหม่
มีความคืบหน้าไปอีกขั้นหนึ่งสำหรับปัญหาที่ดินปอเนาะญิฮาด หรือโรงเรียนญิฮาดวิทยา อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ที่ถูกศาลแพ่งสั่งยึดให้ตกเป็นของแผ่นดิน โดยความคืบหน้าที่ว่านี้เป็นการแก้ไขปัญหากันเองของครอบครัวปอเนาะญิฮาดและประชาชนในพื้นที่
เมื่อวันอังคารที่ 10 พ.ค.59 มีการละหมาดฮายัตขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นลงมือก่อสร้างปอเนาะแห่งใหม่ จากยอดเงินบริจาคเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่เป็นงานกินข้าวยำระดมทุน
กระบวนการก่อสร้างเป็นลักษณะลงแรงช่วยกันบางส่วน มีการประสานงานจากสหพันธ์นิสิตนักศึกษา นักเรียน และเยาวชนปาตานี หรือ เปอร์มัส และสมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมแห่งประเทศไทย กับการร่วมมือร่วมใจจัดค่ายอาสาพัฒนาชุมชนท่าด่าน เพื่อร่วมกันก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.นี้
การละหมาดมีขึ้นบนที่ดินวะกัฟ (ที่ดินบริจาคเพื่อสาธารณกุศล ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของ) ข้างมัสยิดบ้านท่าด่าน ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง นำละหมาดโดย นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ร่วมกับอิหม่ามในชุมชนและพี่น้องมุสลิมในพื้นที่บ้านท่าด่าน
หลังละหมาดฮายัต นายบัลยาน แวมะนอ ทายาทปอเนาะญิฮาด และลูกชายของดูนเลาะ แวมะนอ อดีตครูใหญ่ ได้ชี้แจงค่าใช้จ่ายต่างๆ จากยอดเงินบริจาค เพื่อยืนยันความโปร่งใส
สรุปความได้ว่า จากการประชุมร่วมกันระหว่างศูนย์ประสานงานช่วยเหลือครอบครัวปอเนาะญิฮาด ชมรมศิษย์เก่า และเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพ หรือ คปส. ที่ประชุมได้มีมติให้บริหารจัดการเงินบริจาค คือ เยียวยาครอบครัวปอเนาะญิฮาดจากที่ดินจำนวน 14 ไร่ที่ถูกยึด เป็นเงิน 1 ล้านบาท โดยลูกทั้ง 5 คนได้มอบให้ นางติฮาวอ ซึ่งเป็นยายของบัลยานทั้งหมด และได้แบ่งให้ครอบครัวแวมะนอจำนวน 400,000 บาท แทนบ้านที่ถูกยึดไปด้วย
นอกจากนั้นเป็นการซื้อที่ดินจำนวน 700,000 บาท เตรียมสร้างอาคาร 300,000 บาท และแบ่งเพื่อต่อเติมมัสยิดตามมติของศูนย์ประสานช่วยเหลือครอบครัวปอเนาะญิฮาด จำนวน 600,000 บาท ส่วนการจัดงานสมทบทุน(กินข้าวยำ) เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ใช้งบประมาณจำนวน 975,000 บาท ปัจจุบันมีเงินคงเหลือ 100,522 บาท
นายบัลยาน กล่าวว่า ที่ดิน 8 ไร่ซึ่งเป็นที่ดินวะกัฟ อยู่ติดกับมัสยิดบ้านท่าด่าน เป็นสถานที่จัดสร้างปอเนาะญิฮาดแห่งใหม่ ส่วนที่ดินก่อสร้างบ้านของครอบครัวแวมะนอ ได้ซื้อที่ดินติดกันกับที่ดินวะกัฟอีกแปลงหนึ่ง เพื่อความสบายใจและการจัดการ เนื่องจากชุมชนและชาวบ้านต้องการให้ตนเองช่วยดูแลปอเนาะอย่างใกล้ชิด
“ตัวผมเองก็ต้องอยู่ในที่พักที่อยู่ในปอเนาะ เพื่อจะได้ดูแลปอเนาะอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นความประสงค์ของพี่น้องในชุมชนและตัวเองด้วย ครอบครัวที่มีอีกสิบกว่าชีวิตจึงต้องอยู่ใกล้กัน โดยสร้างบ้านในที่ดินติดกันกับที่ดินวะกัฟนี้ ซึ่งจะลงมือก่อสร้างไปพร้อมๆ กัน เพราะทุกคนจะได้อยู่ในบ้านของตนเอง” บัลยาน บอก
สำหรับรูปแบบของปอเนาะใหม่ บัลยาน อธิบายว่า เป็นปอเนาะโมเดิร์น บูรณาการหลายส่วนเข้าด้วยกัน เป็นอาคารเอนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายกิจกรรม สอนอัลกุรอานผู้ใหญ่ สอนกีรออาตี สอนเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐาน และกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งเป็นการทำงานที่เปิดเผย ตรวจสอบได้
ส่วนการแก้ไขปัญหาปอเนาะญิฮาดเดิมที่ครอบครัวแวมะนอมีชื่อในคณะกรรมการที่ทางการตั้งขึ้นด้วยนั้น บัลยาน บอกว่า ไม่ขอยุ่งเกี่ยว
“ผมบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรอีก การแต่งตั้งเป็นกรรมการก็ไม่ได้มาบอกกล่าว เราตรวจสอบแล้วว่าเราไม่ได้ทำผิดกฎหมายใดหากไม่เป็นกรรมการชุดนั้น เว้นแต่ใช้มาตรา 44 (รัฐธรรมนูญชั่วคราว) ถ้าผมไปเป็นกรรมการ แล้วคนที่บริจาคมาจะคิดอย่างไร ผมคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่คือความถูกต้อง การตัดสินใจของครอบครัวเป็นการรักษาศักดิ์ศรีของปอเนาะและครอบครัว” ทายาทปอเนาะญิฮาด กล่าว
ด้าน พ.อ.ธีระ ศรีพงษ์ ผู้บังคับหนวยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 กล่าวว่า พร้อมดูแลเรื่องความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก พร้อมสนับสนุนทุกกิจกรรมเพื่อให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วง เพราะทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 พิธีละหมาดฮายัตบนที่ดินวะกัฟสำหรับสร้างปอเนาะแห่งใหม่
2 ป้ายเชิญชวนหาจิตอาสาร่วมก่อสรา้ง
3 บัลยาน แวมะนอ
4 บัลยานชี้แจงรายละเอียดเงินบริจาค