เปิด บ.ติดตั้งกล้อง CCTV 5 จังหวัดใต้รายใหม่ 960 ล้าน แทนอื้อฉาวยุครัฐบาลสุรยุทธ์
มท.ซื้อเงียบ CCTV 5 จังหวัดภาคใต้ 960 ล้านจากขาใหญ่ขายคอมฯ แทน บ.อื้อฉาวยุครัฐบาลสุรยุทธ์ พบเป็นคู่ค้าหน่วยงานรัฐกว่า 1,150 ล้าน ไม่เคยติดตั้งกล้องวงจรปิด
ภายหลังกรณีการจัดซื้อกล้องวงจรปิด (CCTV)ในพื้นที่ 5 จังหวัดแดนภาคใต้เกิดปัญหาเอกชนไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาจนทำให้รัฐเกิดความเสียหายตามรายงานผลจากตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ซึ่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องหลายคน เมื่อช่วงปลายปี 2553 สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้รับผิดชอบได้ทำสัญญาจัดซื้อกับเอกชนรายใหม่แล้ว
สำนักงานข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า เอกชนที่ได้รับการจัดซื้อคือบริษัท ไทยทรานสมิชชั่น อินดัสทรี จำกัด ทำสัญญาเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2553 วงเงิน 960 ล้านบาท
จากการตรวจสอบข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า บริษัท ไทยทรานสมิชชั่น อินดัสทรี จำกัด บริการติดตั้ง ซ่อมบำรุง ระบบสื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มีนายเลิศ อิทธิธรรม และ นายไพศาล อิทธิธรรม ถือหุ้นใหญ่ (รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 30 เม.ย.2554) จดทะเบียนก่อตั้งวันที่ 2 กันยายน 2539ทุน ปัจจุบัน 100 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 26/56 ถนนจันทน์ตัดใหม่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ นายเลิศ อิทธิธรรม นายไพศาล อิทธิธรรม และ นาย โชคชัย ชัยกิตติศิลป์ เป็นกรรมการ
จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า บริษัท ไทยทรานสมิชชั่น อินดัสทรี จำกัด ไม่เคยได้รับการว่าจ้างติดตั้งกล้อง CCTV ในกระทรวงมหาดไทยมาก่อน โดยพบว่า ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 – ปี 2554 บริษัท ไทยทรานสมิชชั่น อินดัสทรี จำกัด เป็นผู้ขายและติดคอมพิวเตอร์และระบบซอฟต์แวร์ ติดตั้งอุปกรณ์เคเบิลใยแก้วนำแสง Optical Fiber Cable ให้สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ,หน่วยงานในกองทัพบก ,บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ,บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)\,บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด , การไฟฟ่าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ,กรุงเทพมหานคร รวม 38 ครั้ง วงเงิน 1,150.4 ล้านบาท
สำหรับการติดตั้งกล้อง CCTV นั้น สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำสัญญาจัดซื้อ CCTV จากบริษัท ดิจิตอล รีเสิร์ช แอนด์ คอนซัลทิ่ง จำกัด (DRC) เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2550 วงเงิน 969,400,000 บาท (ช่วงรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์) แต่ต่อมาเกิดปัญหาไม่สามารถติดตั้งได้ตามสัญญา
ต่อมา สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพบความไม่โปร่งใสในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทผู้ได้รับงาน และ เห็นควรให้ดำเนินคดีอาญากับข้าราชการหลายราย รวมถึงอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยรายหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีข้าราชการบางรายมีความผิดฐานละเมิด สร้างความเสียหายต่อรัฐ คิดเป็นเงิน 87.5 ล้านบาท
เอกสารของ สตง.ระบุว่า ควรดำเนินการทางอาญาและทางวินัยกับนายพงศธร สัจจชลพันธ์ พ.อ.ชาญวิทย์ ภัสสรโยธิน นายเสฎฐสิร สินธุวงศานนท์ นายชัยวัฒน์ วงษ์วานิช และนายสมนึก สองเมือง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ กรณีกำหนดคุณสมบัติสายใยแก้วนำแสงไม่ตรงตามสเปก
ควรดำเนินการทางอาญา แพ่ง และวินัยกับ นายพงศ์โพยม วาศภูติ นายประจักษ์ สุวรรณภักดี นายพงศธร สัจจชลพันธ์ นายชัยวัฒน์ วงษ์วานิช และ นายสมนึก สองเมือง พ.อ.ประจิตร อ่ำพันธุ์ และ นายกฤษฎิ์พงษ์ หริ่มเจริญ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 มาตรา 46 กรณีกระทำการแก้ไขทีโออาร์ โดยปรับลดรายการก่อสร้างอาคาร และการปรับลดรายการ/ราคาอุปกรณ์ติดตั้งแต่คงราคามาตรฐานรวมไว้ตามเดิม
สตง.ระบุอีกว่า ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการทางละเมิดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2529 กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการปรับลดเนื้องาน และราคามาตรฐานเป็นเหตุให้ทางราชการเสียหายเป็นเงิน 87,548,000 บาท
นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา เอกชนที่ได้รับการว่าจ้างให้ติดตั้งกล้อง cctv กับกระทรวงมหาดไทยอย่างน้อย 3 รายคือ
บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (กลุ่มสามารถคอร์ปอเรชั่น) วันที่ 29 มิ.ย. 2550 จัดซื้ออุปกรณ์ระบบโทรทัศน์วงจรปิดพร้อมติดตั้ง 46 แห่งๆละ 8 กล้อง วงเงิน 24,000,000 บาท และ วันที่ 13 พ.ย.2552 วงเงิน 32,952,700 บาท , บริษัท ดิจิตอล รีเสิร์ช แอนด์ คอนซัลทิ่ง จำกัด (เกิดปัญหาอื้อฉาว) และ บริษัท ไทยทรานสมิชชั่น อินดัสทรี จำกัด