คำพิพากษาฉบับเต็ม! รองนายก อบจ.ระนอง ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ติดคุกจริง 2 เดือน
เปิดคำพิพากษา คดีรองนายก อบจ.ระนอง จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินแบบเสียภาษีเงินได้ เงินฝาก เงินลงทุน รถยนต์ อ้างสารพัด ไม่รู้ ไม่เจตนา เพิ่งเห็นข่าวถูก ป.ป.ช.ชี้มูลจาก ‘อิศรา’ ก่อนศาลฎีกา ฯ ฟันฉับ พ้นตำแหน่งทันที จำคุก 2 เดือน ไม่รอลงโทษ
กรณีเมื่อ 22-23 มี.ค. 2559 สำนักงานศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้เผยแพร่คำพิพากษาคดีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยกรณีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ผู้คัดค้าน) จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน จำนวน 8 คดี (ราย) และ ยื่นบัญชี ฯ เท็จ 1 ราย รวม 9 ราย ปรากฏว่า ศาลฎีกา ฯ พิพากษาให้ผู้คัดค้านมีความผิดทั้งหมด
1 ใน 9 ราย คือ นายอติคม ธนบัตร รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง (อบจ.ระนอง) จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ภายในระยะเวลากำหนด กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายก อบจ.ระนอง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 และ 33 ศาลวินิจฉัยด้วยเสียงเอกฉันท์ว่า
1.ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับจากวันที่ 14 ธ.ค. 2558 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกา ฯ วินิจฉัย
2.ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 14 ธ.ค. 2558 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง
3.มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากให้ จำคุก 2 เดือน ไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ (คดีหมายเลขแดงที่ อม.88/2558-14 ธ.ค.58)
นายอติคม เป็นนักการเมืองรายที่ 4 ที่ถูกจำคุก และไม่รอการลงโทษ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปสาระสำคัญของคำพิพากษามาเสนอ
นายอติคม ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2555 แต่ไม่ยื่นสำเนาแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และของคู่สมรสปีภาษี 2554 กับเอกสารประกอบรายการเงินฝาก เงินลงทุน ที่ดิน และยานพาหนะ และรายการหนี้สิน ไม่ได้แสดงเงินฝากธนาคารไว้ในรายทรัพย์สิน และไม่ได้ลงลายมือชื่อรับรองสำเนาสารบัญที่ดินให้ถูกต้องครบถ้วน และยังยื่นเกินกำหนดเวลาไป 2 วัน
ป.ป.ช.มีหนังสือแจ้งเตือนนายอติคมให้ยื่นเอกสารประกอบให้ครบถ้วนรวม 3 ครั้ง และยังแจ้งทางวาจา ขณะที่ นายอติคมเข้ามาที่สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดระนองอีกด้วย แต่นายอติคมเพิกเฉย คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเมื่อ 9 เม.ย. 2558 ว่า นายอติคมจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบภายในระยะเวลากำหนด
นายอติคม (ผู้คัดค้าน) ให้การปฏิเสธ สรุปว่า
1.ผู้ร้อง (ป.ป.ช.) ไม่มีอำนาจยื่นคำร้องดำเนินคดีนี้ เนื่องจาก หนังสือมอบอำนาจที่ผู้ร้องมอบให้เจ้าหน้าที่มายื่นต่อศาลปิดอากรแสตมป์เพียง 30 บาท ไม่ครบถ้วน ตามที่กฎหมายกำหนด คือ ต้อง 150 บาท
2.ไม่จงใจไม่ยื่นบัญชี ฯ พร้อมเอกสารประกอบ เหตุที่ยื่นเกินกำหนดเวลา เพราะ ได้มอบให้เจ้าหน้าที่ของ อบจ.ระนองเป็นผู้รวบรวมบัญชี ฯ ของผู้คัดค้าน และของคณะผู้บริหาร อบจ.ระนองรวม 7 คน นำส่งทางไปรษณีย์ให้แก่ผู้ร้องที่สำนักงานเขตพื้นที่ 8 จ.สุราษฎร์ธานี แต่เป็นความคลาดเคลื่อนของเจ้าหน้าที่ในการนับระยะเวลาผิดพลาดเกินกำหนดเวลาไป 2 วัน
3.ผู้คัดค้านไม่ทราบว่า ตนเองยื่นเอกสารประกอบไม่ครบถ้วน เนื่องจาก ไม่ได้รับหนังสือแจ้งเตือน ส่วนบุตรของผู้คัดค้านที่ได้รับหนังสือจาก ป.ป.ช.ไม่ได้เปิดอ่าน และไม่ได้แจ้งให้ผู้คัดค้านทราบ
4.ผู้คัดค้านมีภารกิจเดินทางไปร่วมประชุมที่ จ.กระบี่ และภูเก็ต หลังจากนั้น ก็เดินทางไปรายงานตัวขึ้นควบคุมการปฏิบัติภารกิจร่วมต่อเจ้าหน้าที่ทหารตลอดห้วงเวลา 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. 2557 ตามประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อ 28 พ.ค. 2557
5.ผู้คัดค้านเพิ่งทราบว่า มีรายชื่อในกลุ่มนักการเมืองส่วนท้องถิ่นที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาจงใจไม่ยื่นบัญชี ฯ จากเว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2558 แต่ไม่สามารถแก้ไขการยื่นบัญชี ฯ ให้ถูกต้องได้ เนื่องจาก เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.วินิจฉัยแล้ว
คำวินิจฉัยของศาลฎีกา ฯ
ศาลฎีกา ฯ ไต่สวนพยานหลักฐานเพิ่มเติม และวินิจฉัยว่า
“ได้ความจากพยานผู้ร้องปาก นายชัยอนันต์ ไชยพลบาล เจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สินปฏิบัติการ ผู้รับผิดชอบการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดระนอง ว่า ภายหลังตรวจพบว่า ผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเขารับตำแหน่งไม่ถูกต้องครบถ้วน ได้แจ้งให้ผู้คัดค้านทราบ รวมทั้งสิ้นสามครั้ง ครั้งแรกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งของผู้คัดค้านไว้ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2555 เป็นผู้มีหนังสือแจ้งเตือนผู้คัดค้านให้ชี้แจงข้อเท็จจริงของการไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบให้ถูกต้องครบถ้วน รวมสองฉบับ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2555 และวันที่ 20 ม.ค. 2556 โดย มีหลักฐานใบตอบรับของการสื่อสารแห่งประเทศไทย ระบุว่า บุตรของผู้คัดค้านเป็นผู้รับหนังสือเตือนทั้งสองฉบับไว้แทนผู้คัดค้าน ครั้งที่สองเมื่อปลายปี 2556 หลังจากที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำ จ.ระนอง เปิดทำการ และรับโอนการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับท้องถิ่นใน จ.ระนอง รวมทั้ง กรณีของผู้คัดค้านมาดำเนินการแล้ว พยานเห็นผู้คัดค้านเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำ จ.ระนอง จึงเข้าไปพูดคุยแจ้งให้ผู้คัดค้านทราบด้วยวาจา ว่า ผู้คัดค้านไม่ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยพยานได้อธิบายรายละเอียดของรายการที่ไม่ถูกต้องครบถ้วนให้ผู้คัดค้านรับทราบแล้ว แต่ผู้คัดค้านกลับปล่อยเวลาล่วงเลยไป โดย ไม่ดำเนินการ แต่อย่างใด
ดังนั้น ในครั้งที่สาม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำ จ.ระนอง จึงมีหนังสือแจ้งเตือนผู้คัดค้านอีกสามฉบับ ซึ่งสามารถส่งได้ โดย บุตรของผู้คัดค้านเป็นผู้รับหนังสือเตือนไว้แล้ว ขอเท็จจริงดังกล่าวมี นายภัสรุจน์ รอดนวน พยานผู้คัดค้าน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำ จ.ระนอง เบิกความสอดรับกับนายชัยอนันต์ ว่า เมื่อปลายปี 2556 ขณะที่ ผู้คัดค้านเข้ามาพบพยานที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุกจริตแห่งชาติ ประจำ จ.ระนอง นายชัยอนันต์ ไชยพลบาล เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สิน ได้เข้ามาขอพูดคุยกับผู้คัดค้าน เรื่อง เกี่ยวกับการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ส่วนผู้คัดค้านก็เบิกความรับว่า ได้เดินทางไปที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุกจริตแห่งชาติ ประจำ จ.ระนอง ในช่วงเวลาดังกล่าวจริง สำหรับหนังสือแจ้งเตือนของผู้ร้องทุกฉบับได้ความว่า บุตรของผู้คัดค้านเป็นผู้รับไว้โดยชอบ จึงเชื่อว่า ที่นายชัยอนันต์เบิกความว่า ผู้คัดค้านได้รับการแจ้งเตือนให้ทราบด้วยวาจา และหนังสือจากผู้ร้องแล้ว ว่า ผู้คัดค้านไม่ได้ยื่นเอกสารประกอบการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามความเป็นจริงที่ผู้คัดค้านอ้างเหตุผลที่ไม่ทราบเรื่องการแจ้งเตือนว่า เป็นเพราะผู้คัดค้านเดินทางไปราชการต่างจังหวัดก็ดี หลังจากนั้น ผู้คัดค้านต้องไปรายงานตัวขึ้นความคุมการปฏิบัติการภารกิจร่วมต่อเจ้าหน้าที่ทหาร ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. 2557 ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 22/2557 ลงวันที่ 28 พ.ค. 2557 กรณีบุตรของผู้คัดค้านผู้รับหนังสือเตือนไม่ได้แจ้งให้ผู้คัดค้านทราบก็ดี นั้น
เห็นว่า การไปราชการต่างจังหวัดเป็นเพียงการเดินทางไปประชุมที่ จ.กระบี่ และ จ.ภูเก็ต ในระยะเวลาสั้น ๆ ระหว่างวันที่ 16 ถึงวันที่ 21 พ.ค. 2557 เพียงไม่กี่วัน ส่วนการขึ้นควบคุมการปฏิบัติการภารกิจร่วมตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติก็เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. 2557 เป็นต้นไป โดยระหว่างนั้น ไม่มีคำสั่งห้ามผู้คัดค้านติดต่อกับทางครอบครัว แต่อย่างใด ผู้คัดค้านจึงมีช่วงเวลาที่อยู่บ้าน และสามารถติดต่อพูดคุยกับบุตรได้ ทั้งปรากฏว่า ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2555 และวันที่ 20 มี.ค. 2556 ผู้ร้องได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนในเรื่องเดียวกันนี้ไปยังผู้คัดค้านโดยชอบมาก่อนแล้ว ข้ออ้างข้อนี้ของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
ที่ผู้คัดค้านอ้างว่า ทราบข่าวการถูกดำเนินคดีเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2558 แต่ผู้คัดค้านไม่สามารถแก้ไขการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินให้ถูกต้องได้ เนื่องจาก เจ้าเหน้าที่แจ้งว่า ได้ส่งให้ผู้ร้องวินิจฉัยแล้ว นั้น ได้ความจากคำเบิกความของนายชัยอนันต์ ว่า ผู้คัดค้านไม่ได้มาขอแก้ไขการยื่นบัญชี ฯ กรณีเข้ารับตำแหน่ง แต่มาติดต่อขอยื่นบัญชีใหม่ กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนองคนที่ 2 เพราะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนองคนที่ 1 ซึ่งพยานแจ้งให้ทราบว่า ผู้คัดค้านไม่มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีดังกล่าวต่อผู้ร้อง เพราะเป็นการสับเปลี่ยนตำแหน่งในองค์กร ถือว่า ผู้คัดค้านยังคงดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนองอยู่เช่นเดิม ผู้คัดค้านทราบแล้วไม่ได้ว่าอย่างใด เมื่อปรากฏว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องดำเนินคดีแก่ผู้คัดค้านวันที่ 6 ก.ค. 2558 ผู้คัดค้านย่อมไม่อาจขอแก้ไขการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน หลังจากเวลาดังกล่าวได้อีก ข้ออ้างข้อนี้ของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น เช่นกัน
ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างว่า เจ้าหน้าที่ของผู้คัดค้านเข้าใจกำหนดเวลาการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินผิดพลาด เป็นคำแก้ตัวที่ไม่อาจรับฟังได้
นอกจากนี้ คดียังรับฟังได้โดยผู้คัดค้านไม่ได้โต้แย้ง ผู้คัดค้านไม่ยื่นสำเนาแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของผู้คัดค้านและคู่สมรส ปีภาษี 2554 อันเป็นหน้าที่ที่ผู้คัดค้านต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุกจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 33 วรรคแรก ประกอบมาตรา 32 ซึ่งผู้คัดค้านแสดงรายได้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินการเข้ารับตำแหน่งว่า ผู้คัดค้านและคู่สมรส เป็นผู้มีอาชีพค้าขายมีรายได้จากการค้า และเงินบำนาญ นอกเหนือจาก เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งอยู่ในเกณฑ์ต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามกฎหมาย”
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า
ภายหลังผู้คัดค้านรับทราบว่า ไม่ได้ยื่นสำเนาแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของตนเองและคู่สมรส ปีภาษี 2554 พร้อมเอกสารประกอบการยื่นบัญชี ฯ ได้แก่ รายงานเงินฝากธนาคารที่แสดงยอดคงเหลือในวันเข้ารับตำแหน่งรวม 5 บัญชี และรายการยานพาหนะ รถยนต์หมายเลขทะเบียน บง 2715 ระนอง ทั้งการยื่นบัญชี ฯ ยังเกินกำหนดเวลา ผู้คัดค้านกลับเพิกเฉยไม่ชี้แจง หรือดำเนินการอย่างใด พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นแล้วว่า ผู้คัดค้านไม่ใส่ใจต่อหน้าที่อันสำคัญของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่จะต้องปฏิบัติในการยื่นบัญชี ฯ ซึ่งเป็นมาตรการที่กฎหมายบัญญัติ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการยื่นบัญชี ฯ โดยไม่ยื่นเอกสารประกอบให้ครบถ้วนตามที่กำหนด ย่อมทำให้ไม่อาจตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของผู้คัดค้านระหว่างดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ จึงมีผลเช่นเดียวกับการที่ผู้คัดค้านไม่ยื่นบัญชี ฯ ตามที่กฎหมายกำหนดเช่นกัน
องค์คณะจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ว่า ผู้คัดค้านจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายก อบจ.ระนอง นอกจากนี้ ผู้คัดคานเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 การกระทำของผู้คัดค้านจึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชี ฯ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 ด้วย
อ่านประกอบ:
ศาลฎีกาฯโชว์รายชื่อ 15 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน-ลุ้นผล 16 คน
ศาลฎีกาฯฟันเรียบ 9 นักการเมืองท้องถิ่นคดีบัญชีทรัพย์สิน -1 รายซุกหนี้ 10.9 ล.
เปิด‘พฤติกรรม’นักการเมือง จ.ชลบุรี จงใจซุกหนี้ 1 ล. ในคำพิพากษาศาลฎีกา
ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 1 เดือนนักการเมืองชลบุรี จงใจซุกหนี้ 1 ล. พ้นตำแหน่งทันที
ชำแหละพฤติกรรม 10 นักการเมืองท้องถิ่น-กก.รัฐฯ‘จงใจ’ไม่ยื่นบัญชีฯถูกจำคุกรวด
ศาลฎีกาฯฟัน‘สุธี’บอร์ดการบินพลเรือน - 9 นักการเมืองท้องถิ่น จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ