เบื้องหลัง คดีนักการเมืองฉะเชิงเทรา ซุกหนี้นักธุรกิจสาว 10.9 ล้าน
เบื้องหลัง คดี นายก อบต.บางสวน จ.ฉะเชิงเทรา ซุกหนี้ 10.9 ล้าน ก่อนศาลฎีกาฯ ฟันห้ามเล่นการเมือง 5 ปี จำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท พฤติการณ์ละเอียดยิบ พบเจ้าหนี้เป็นเพื่อนนักธุรกิจรับส่งรถโดยสาร อยู่กรุงเทพฯ
กรณีสำนักงานศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้เผยแพร่คำพิพากษาคดีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยกรณีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ผู้คัดค้าน) จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน จำนวน 8 คดี (ราย) และ ยื่นเท็จ 1 ราย เมื่อ 22-23 มี.ค.59 ผลปรากฎว่าผู้คัดค้านมีความผิดทั้งหมด
1 รายที่มีพฤติการณ์จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ด้วยข้อความเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ คือ นายสมมิตร ไชยโชติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ต.บางสวน อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา (ผู้คัดค้าน) กรณีไม่ยื่นแสดงรายการหนี้สิน 10.9 ล้านบาท ศาลฎีกาฯพิพากษา ห้ามมิให้นายสมมิตร ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.56 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท
ผู้คัดค้านให้การรับการสารภาพ มีประโยชน์ในการพิจารณาคดี มีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับการลงโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.87/2558 -26 พ.ย.58)
กรณีของนายสมมิตร เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นรายที่สอง ที่มีพฤติการณ์จงยื่นบัญชีเท็จ (รายแรกคือ นายวิชิต ชิตวิเศษ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองบ้านสวน จ.ชลบุรี )สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปสาระสำคัญของคดีมาเสนอดังนี้
นายสมมิตร ไชยโชติ ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ต.บางสวน อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อ 6 ก.ย.52 และพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากลาออกเมื่อ 14 พ.ค.56
นายสมมิตรยื่นบัญชีต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อ 21 พ.ย.55 แต่ไม่แสดงรายการหนี้สิน ต่อมา ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบพบว่า นายสมมิตร เป็นหนี้ น.ส.อุษาพรรณ กนกอนันต์ จำนวน 10,993,207 บาท ตามคำพิพากษาตามยอม ในคดีหมายเลขแดงที่ ย 888/2551 ของศาลแพ่ง ลงวันที่ 29 ก.ย.51 ซึ่งศาลออกหมายบังคับคดีของศาลแพ่งแล้วเมื่อ 27 พ.ย.51
ป.ป.ช.มีหนังสือให้ นายสมมิตรชี้แจงข้อเท็จจริง
นายสมมิตรชี้แจงว่า เป็นเงินหยิบยืมจาก น.ส.อุษาพรรณ เพื่อนกันทีละเล็กละน้อย ไม่คิดว่าจะรวมเป็นเงินจำนวนมาก และกำลังทยอยใช้หนี้ คิดว่าไม่จำเป็นต้องกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับหนี้สินดังกล่าว
นายสมมิตรให้การรับสารภาพ
ศาลฎีกาฯพิเคราะห์ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้คัดค้านยื่นบัญชีฯกรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 21 พ.ย.55 โดยแสดงรายการทรัพย์สิน 1 รายการ ได้แก่เงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย จำนวน 21,208.22 บาท ปรากฏว่ามีนายศิริศักดิ์ แพรเพชร ผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.อุษาพรรณ กนกอนันต์ มีหนังสือถึง ป.ป.ช. เมื่อ 12 ต.ค.55 ขอทราบข้อมูลการแสดงบัญชีทรัพย์สินของผู้คัดค้านเพื่อดำเนินการติดตามยึดทรัพย์มาชำระหนี้
ศาลฎีกาฯมีความเห็นว่า การไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินให้ตามความเป็นจริงหรือแสดงข้อความในเอกสารไม่ถูกต้อง ครบถ้วนตามความเป็นจริง โดยผู้ยื่นมิได้แสดงความจริงให้ปรากฏ ย่อมถือได้ว่าเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 34 ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ สิทธิประโยชน์ต่างๆในตำแหน่งหน้าที่ และความรับผิดชอบของตนเป็นอย่างดี ดังจะเห็นได้จากที่ผู้คัดค้านยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินพร้อมเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่ง โดยแนบเอกสารประกอบซึ่งเป็นสำเนาหลักฐานซึ่งพิสูจน์ความมีอยู่จริง ของทรัพย์สินได้อย่างถูกต้องครบถ้วน
ครั้น ภายหลังผู้ร้องตรวจสอบพบว่า ผู้คัดค้านไม่ได้แสดงรายการหนี้สินดังกล่าว ผู้คัดค้านชี้แจงว่าเป็นหยิบยืมจาก น.ส.อุษาพรรณเพื่อนกันทีละเล็กละน้อยไม่คิดว่าจะรวมเป็นเงินจำนวนมาก และกำลังทยอยใช้หนี้ และคิดว่าไม่จำเป็นต้องกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับหนี้สินดังกล่าว แสดงว่าผู้คัดค้านทราบว่าตนมีหนี้สินดังกล่าว ในวันที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินแล้ว
เมื่อหนี้สินดังกล่าวมีจำนวนมากถึง 10,933,207 บาทและไม่ปรากฏว่ามีการชำระหนี้ไปครบถ้วน หรือหนี้ระงับไปโดยเหตุหนึ่งเหตุใดก่อนที่จะมีการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ผู้คัดค้านย่อมมีหน้าที่แสดงรายการหนี้สินดังกล่าวต่อผู้ร้อง
พฤติการณ์ส่อแสดงให้เห็นว่าผู้คัดค้านไม่ใส่ใจต่อหน้าที่อันสำคัญ ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่จะต้องปฏิบัติ ซึ่งเป็นมาตรการที่กฎหมายบัญญัติไว้เพื่อให้เกิดการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเป็นไปโดยสำนึกในการกระทำที่ต้องการจะปกปิดหนี้สินที่ตนมีอยู่
องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ผู้คัดค้านจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ
สำหรับ น.ส.อุษาพรรณ กนกอนันต์ เจ้าหนี้ นั้น จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเจ้าของ หจก. ที ดับบลิว แทรเวลเซอร์วิส ประกอบธุรกิจ รับขนส่งคนโดยสารโดยรถยนต์ประจำทาง จดทะเบียนวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2530 ทุน 2 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 192 ซอยธรรมา ถนนกรุงเกษม แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
นี่คือความเป็นมาของคดีนี้
อ่านประกอบ:
ศาลฎีกาฯฟันเรียบ 9 นักการเมืองท้องถิ่นคดีบัญชีทรัพย์สิน -1 รายซุกหนี้ 10.9 ล.
เปิด‘พฤติกรรม’นักการเมือง จ.ชลบุรี จงใจซุกหนี้ 1 ล. ในคำพิพากษาศาลฎีกา
ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก1 เดือนนักการเมืองชลบุรี จงใจซุกหนี้ 1 ล. พ้นตำแหน่งทันที
ชำแหละพฤติกรรม10 นักการเมืองท้องถิ่น-กก.รัฐฯ‘จงใจ’ไม่ยื่นบัญชีฯถูกจำคุกรวด
ศาลฎีกาฯฟัน‘สุธี’บอร์ดการบินพลเรือน - 9 นักการเมืองท้องถิ่น จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ