เจาะกระเป๋า 'แจสโมบาย' มีเงินฝากธ.กรุงเทพ4.6พันล.ก่อนทิ้งคลื่น900
เจาะกระเป๋าเงิน 'แจส โมบาย' ก่อนทิ้งใบอนุญาตมือถือ 4จี พบเพิ่งแจ้งทุนจดทะเบียนเพิ่มช่วงต้นปี 2 หมื่นล้าน แต่ชำระจริงแค่ 25% ธ.กรุงเทพยืนยันยอดเงินในบัญชีแค่ 4.6 พันล้าน ไม่พอจ่ายงวดแรก 8 พันล.-ไร้ข้อมูลผู้ร่วมลงทุนจีนปริศนา
หลายคนอาจจะทราบกันไปแล้ว บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ถูกสำนักงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ริบเงินค้ำประกันการประมูลจำนวน 644 ล้านบาท จากกรณีไม่สามารถนำเงินประมูลใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz งวดแรกจำนวน 8,040 ล้านบาท และหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงิน 72,000 ล้านบาท ชำระภายในวันที่ 21 มี.ค. 2559
แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการนี้ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด มีเงินทุนอยู่จำนวนเท่าไรกันแน่
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลเงินทุนของบริษัท แจสโมบาย ฯ ตั้งแต่ช่วงจดทะเบียนจนถึงปัจจุบัน พบข้อเท็จจริง ดังนี้
@ ช่วงจดทะเบียนจัดตั้ง
บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2558 ประเดิมทุน 1 ล้านบาท
ตั้งอยู่เลขที่ 200 หมู่ที่ 4 อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
แจ้งประกอบธุรกิจให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ นำเข้าและจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และให้บริการเช่าและบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้บริการสื่อสารข้อมูลผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่
ปรากฎชื่อ นายพิชญ์ โพธารามิก เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ น.ส.สายใจ คีตสิน นายสมบัติ พันศิริพัฒน์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ
บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถืออยู่ 99,997 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท เป็นเงิน 999,970 บาท ส่วนหุ้นที่เหลือ 3 หุ้น อยู่ในชื่อนายพิชญ์ น.ส.สายใจ และ นายสมบัติ คนละ 1 หุ้น
ต่อมา วันที่ 27 สิงหาคม 2558 บริษัท ฯ แจ้งเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 350 ล้านบาท
โดย แหล่งเงินจำนวน 349 ล้านบาท มาจาก บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) จำนวน 348,989,530 บาท ส่วนที่เหลือมาจากนายพิชญ์ น.ส.สายใจ และ นายสมบัติ คนละ 3,490 บาท
@ ช่วงหลังชนะประมูล
วันที่ 6 ม.ค. 2559 บริษัท ฯ แจ้งเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกครั้งเป็น 5,000 ล้านบาท จำนวนทุนที่เพิ่มขึ้นมา 4,650 ล้านบาท มาจาก บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ทั้งหมด
ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2559 บริษัท ฯ แจ้งเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกครั้งเป็น 20,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มทุนครั้งนี้ มีการชำระเงินเพียงแค่ 3,750 ล้านบาท ยังไม่ได้ชำระเต็มจำนวน โดย เงินทั้งหมดจำนวน 3,750 ล้านบาท ระบุว่า มาจากบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
ขณะที่ บริษัท ฯ ได้แนบหนังสือธนาคารกรุงเทพ ที่ นล.3 จว.004/2559 ลงวันที่ 11 ม.ค. 2559 แสดงต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อยืนยันสถานะยอดเงินในบัญชี ระบุว่า ณ วันที่ 11 ม.ค. 2559 มีจำนวนเงินฝากรวมทั้งสิ้น 4,653,459,181.28 บาท
และก็ไม่ได้มีการแจ้งข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีก จนกระทั่ง ถึงเวลาครบกำหนดในวันที่ 21 มี.ค. 2559 ที่ผ่านมา รวมถึง ข้อมูลผู้ร่วมทุนจากประเทศจีนด้วย
ซึ่งจากข้อเท็จจริงที่มีการตรวจพบดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า โดยลำพังตัวของ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ไม่มีทุนเพียงพอที่จะชำระเงิน จำนวน 8,040 ล้านบาท และหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงิน 72,000 ล้านบาท ชำระให้กับ กสทช. อย่างแน่นอน
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด จะถูกตั้งคำถามในหลายประเด็น อาทิ การจงใจเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐสูงกว่าความเป็นจริงตามสิทธิที่จะได้รับ โดย มีวัตถุประสงค์เป็นการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมหรือไม่ อะไรคือ แรงจูงใจ ให้แจสโมบายเคาะราคาไปสูงโด่ง โดย ที่ไม่มีคู่แข่งขัน ,การเสนอขอวงเงินกู้ไว้ 40,000 ล้านบาท แต่เสนอราคาประมูลสูงถึง 75,000 ล้านบาท โดย ไม่มีแผนธุรกิจ และแผนการเงินรองรับถึงรายได้ในอนาคต เป็นต้น
(อ่านประกอบ :ชะตากรรม"แจสโมบาย"จะโดนแค่คดีแพ่ง หรือพ่วงคดีอาญา?)
แต่ข้อสังเกตสำคัญ ที่กำลังถูกจับตามองอย่างมากในเวลานี้ คือ ผู้ลงทุนในประเทศจีน ที่ทางผู้บริหาร แจสโมบาย อ้างว่า ไม่สามารถนำหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินมอบให้สำนักงาน กสทช.ได้ เนื่องจาก ผู้ประกอบการรายใหญ่แห่งหนึ่งของจีน (ซึ่งสนใจร่วมลงทุนในแจสโมบาย และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์แห่งใหญ่ของประเทศจีน) ติดข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลาการขออนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องของประเทศจีน คาดว่า จะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนเมษายน 2559 ซึ่งไม่ทันกำหนดระยะเวลา 90 วัน ตามที่ระบุในประกาศ กสทช.ซึ่งดูเหมือนจะเป็นต้นเหตุปัญหาของบริษัท แจส โมบาย ฯ
แท้จริงแล้วเป็นใครมาจากไหน และมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่?