ชัดๆ! หนังสือผู้ว่าฯเพชรบุรีชงอธิบดี DSI ขอให้ บ.คอนโดฯดังชะอำฉ้อโกงเป็นคดีพิเศษ
ชัดๆ!หนังสือ ผู้ว่าฯเพชรบุรี ชง อธิบดี DSI ขอให้รับกรณีคอนโดฯดัง บ.หัวหินทรอปปิคอล โอเชียนวิว ฉ้อโกง เป็นคดีพิเศษ เหตุสงสัยกระทำผิดซับซ้อน กระทบเชื่อมั่นทางศก.พบขอสินเชื่อแบงก์รัฐ 200 ล.
กรณีผู้ซื้อห้องชุด โครงการ หัวหินทรอปปิคอลโอเชียนวิว อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ของ บริษัท หัวหินทรอปปิคอล โอเชียนวิว จำกัด ได้ร้องเรียนต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบุรี สำนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรีสาขาชะอำ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสภ.ชะอำ ให้ดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน
ต่อมา นางนัยยา บำรุงศิลป์ กรรมการ บริษัทฯ ร่วมกับนายปณชัย ประวีรนันทน์ ถูกออกหมายจับ และนางนัยนาถูกจับกุมเมื่อ 30 ก.ย.58 คดีอยู่ในชั้นสอบสวนของพนักงานสอบสวน กระทั่งล่าสุดผู้ร้องเรียนขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามกาทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สำนักงานเทศบาลเมืองชะอำ และ สำนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี สาขาชะอำ จ.เพชรบุรี ในการออกไปรับรองการก่อสร้าง (อ.6) มีจำนวนห้องพักและอื่นๆ ไม่ตรงกับข้อมูลในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อ่านประกอบ:ร้องสอบ จนท.ปมคอนโดฯดังชะอำสร้างไม่ตรง EIA โผล่โยงธุรกิจกลุ่มเดอะบิ๊ก)
กรณีการร้องเรียนต่อ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบุรี วันที่ 19 มี.ค.58 นายมณเฑียร ทองนิตย์ ผู้ว่าฯเพชรบุรี ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวน ขอให้ดำเนินคดีกับ บริษัท หัวหินทรอปปิคอล โอเชียนวิว จำกัด เป็นคดีพิเศษ โดยให้เหตุผลว่า การกระทำของผู้ถูกร้องเรียน มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นการกระทำความผิดอาญาที่มีความซับซ้อนและมีผลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ อีกทั้งคดียังมีปัญหาในขั้นตอนการติดตามพยานซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติและมีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศ การอำนวยความยุติธรรมในการสอบสวนที่เป็นไปตามกระบวนการปกติอาจประสบปัญหาล่าช้าและอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จำเป็นต้องใช้วิธีการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเป็นพิเศษ
มีรายละเอียดดังนี้
ด้วยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบุรีได้รับการร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม จากนายชาญชัย วาสินานนท์ตัวแทนกลุ่มผู้ซื้อห้องชุดจากบริษัท หัวหินทรอปปิคอล โอเชียนวิว จำกัด ว่า ภายหลังทำสัญญาจะซื้อขายห้องชุดกับบริษัทฯ และปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขายให้บริษัทฯ แล้ว บริษัทฯ ไม่ส่งมอบห้องชุดให้กับผู้ซื้อตามสัญญา ต่อมากลุ่มผู้ซื้อได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่าบริษัทฯ ได้เชิญบุคคลภายนอกซึ่งมิใช่กรรมการหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ มาดำเนินการบริหารจัดการบริษัทฯ
โดยบริษัทฯ ไม่เคยขอจดทะเบียนที่ดินและอาคารให้เป็นอาคารชุด ทั้งบริษัทฯ มีพฤติการณ์อันเป็นพิรุธในการรับชำระหนี้ และสั่งจ่ายเงินของบริษัทฯ จนทำให้บริษัทฯ ต้องถูกธนาคารและเจ้าหนี้รายอื่น รวมถึงกลุ่มผู้ซื้อห้องชุดจากบริษัทฯ ยื่นฟ้องเป็นคดีแพ่งกว่าสามสิบคดี ซึ่งต่อมากลุ่มผู้ซื้อห้องชุดได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนหลายแห่ง จนมีการเผยแพร่ข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับประชาชนทั่วไปรับทราบ โดยเป็นเรื่องที่สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปให้ความสนใจ เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อห้องชุดส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติซึ่งอยู่ในวัยเกษียณอายุการทำงาน ต้องการนำเงินที่เก็บสะสมมาซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อหวังพำนักอยู่ในประเทศไทยในช่วงบั้นปลายของชีวิต อีกทั้งต่อมากลุ่มผู้ซื้อห้องชุดยังตรวจสอบพบพิรุธในขั้นตอนการออกใบรับรองการก่อสร้างอาคาร (อ.6 ) ของบริษัทฯ รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ทำให้กลุ่มผู้ซื้อห้องชุดเชื่อว่าถูกบริษัทฯ หลอกลวงเป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย กลุ่มผู้ซื้อห้องชุดจึงเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรชะอำ เป็นสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ (117/2558)
ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีการเรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาสืบสวนสอบสวนบางส่วนแล้ว แต่ประสบปัญหาเนื่องจากพยานและผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ เป็นการยากและใช้ระยะเวลานานในการติดตามพยานสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย
ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบุรี ได้ตรวจสอบพยานหลักฐานตามสิ่งที่ส่งมาด้วยเบื้องต้นแล้วเห็นว่าการกระทำของบริษัท หัวหินทรอปปิคอล โอเชียนวิว จำกัด ดังกล่าว มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นการกระทำความผิดอาญาที่มีความซับซ้อนและมีผลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ
อีกทั้งคดียังมีปัญหาในขั้นตอนการติดตามพยานซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติและมีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศ การอำนวยความยุติธรรมในการสอบสวนที่เป็นไปตามกระบวนการปกติอาจประสบปัญหาล่าช้าและอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จำเป็นต้องใช้วิธีการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเป็นพิเศษ กรณีเห็นสมควรที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะรับคดีดังกล่าวไว้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเป็นคดีพิเศษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ล่าสุดมีข้อมูลระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างสอบสวนเบื้องต้นยังไม่รับเป็นคดีพิเศษ
ขณะที่นายปณชัย ประวีรนันทน์ 1 ใน ผู้ต้องหาถูกศาลสั่งล้มละลาย เมื่อ เดือน พ.ค.58
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโครงการนี้เกี่ยวพันกับกลุ่มบิลเลียนกรุ๊ปของนายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา หรือเดอะบิ๊ก นักธุรกิจ ประธานบริหารทีมเพื่อนตำรวจ ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงเงิน กองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.)
และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายนี้ได้ขอสินเชื่อจากธนาคารของรัฐแห่งหนึ่งเกือบ 200 ล้านบาท ขณะเดียวกันถูกฟ้องร้องเป็นคดีความหลายคดี
ต้องติดตามความคืบหน้ากันต่อไป