เปิด‘พฤติกรรม’นักการเมือง จ.ชลบุรี จงใจซุกหนี้ 1 ล. ในคำพิพากษาศาลฎีกา
เปิดความเป็นมา-พฤติกรรม ‘วิชิต’รองนายกเทศมนตรีบ้านสวน จ.ชลบุรี จงใจซุกหนี้ 1 ล. อ้างหลงลืม ศาลฎีกาฯชี้ ไม่น่าเชื่อ เลื่อนลอย ไร้น้ำหนัก สั่งจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ให้รอลงโทษ พ้นตำแหน่งทันที คดีแรกนักการเมืองท้องถิ่น‘ปกปิดทรัพย์สิน’
นับจากปี 2555-2558 นายวิชิต ชิตวิเศษ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองบ้านสวน จ.ชลบุรี เป็นนักการเมืองท้องถิ่นเพียงรายเดียวที่มีพฤติการณ์ ‘ซุกหนี้’ และถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่ามีความผิดในคดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง กรณีไม่ได้แจ้งว่ามีหนี้สินจำนวน 1 ล้านบาท ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.)
ศาลฎีกาฯพิพากษาให้นายวิชิต (ผู้คัดค้าน) ซึ่งปัจจุบันเป็นรองนายกเทศมนตรีเมืองบ้านสวน อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี พ้นจากตำแหน่งรองนายกฯนับแต่วันที่ 16 พ.ย.58 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯวินิจฉัย ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.57 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งที่ได้รับเลือกตั้งเมื่อ 19 มิ.ย.54 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท
ผู้คัดค้านให้การรับการสารภาพ มีประโยชน์ในการพิจารณาคดี มีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับการลงโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี
คำพิพากษา คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ 16 พ.ย.58 และเผยแพร่คำพิพากษาเมื่อ 17 มี.ค.59 (อ่านประกอบ:ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 1 เดือนนักการเมืองชลบุรี จงใจซุกหนี้ 1 ล. พ้นตำแหน่งทันที)
ลองดูความเป็นมา คำวินิจฉัยของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. และ วินิจฉัยของศาลฎีกาฯอย่างละเอียด
นายวิชิตได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาเทศบาลบ้ายสวนเมื่อ 19 มิ.ย.54 พ้นตำแหน่งเมื่อ 10 ม.ค.57
นายวิชิตยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อ 19 ส.ค.54 ประกอบด้วย
1.เงินฝากธนาคาร 3 บัญชี รวม 13,278.26 บาท
2.ที่ดิน 2 แปลง ได้แก่ โฉนดเลขที่ 81543 ต.บ้านสวน อ.เมือง ชลบุรี มูลค่า 1,400,000 บาท และโฉนดเลขที่ 74419 ต.บ้านสวน อ.เมือง ชลบุรี มูลค่า 1,600,000 บาท
3.สิ่งปลูกสร้าง 1 หลัง บ้านเลขที่ 201 หมู่ที่ 9 ต.บ้านสวน อ.เมืองชลบุรี มูลค่า 800,000 บาท
4.พาหนะ 5 คัน ประกอบด้วยรถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 3 คัน
หนี้สิน 1 รายการคือ เงินกู้ยืมจากนายสุชาติ สุรกิจบวร มูลหนี้คงเหลือ 1 ล้านบาท โดยนำโฉนดเลขที่ 81543 ต.บ้านสวน อ.เมือง ชลบุรี จำนองเป็นประกัน เมื่อ 21 ก.ย.52
ต่อมาเมื่อ 10 ม.ค.57 นายวิชิต (ผู้คัดค้าน) พ้นตำแหน่งเนื่องจากครบวาระ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน แสดงรายการทรัพย์สิน ได้แก่
1.เงินฝากธนาคาร 3 บัญชี รวม 12,183.74 บาท
2.ที่ดิน 2 แปลง ได้แก่ โฉนดเลขที่ 81543 ต.บ้านสวน อ.เมือง ชลบุรี มูลค่า 1,400,000 บาท และโฉนดเลขที่ 74419 ต.บ้านสวน อ.เมือง ชลบุรี มูลค่า 1,600,000 บาท
3.สิ่งปลูกสร้าง 1 หลัง บ้านเลขที่ 201 หมู่ที่ 9 ต.บ้านสวน อ.เมืองชลบุรี มูลค่า 800,000 บาท
4.ยานพาหนะ 1 คัน ได้แก่ รถจักรยานยนต์ มูลค่า 20,000 บาท
หนี้สิน 2 รายการคือ รวม 2 ล้านบาท ได้แก่ 1.รายการ เงินกู้ยืมจากนายสุชาติ สุรกิจบวร มูลหนี้คงเหลือ 1 ล้านบาท โดยนำโฉนดเลขที่ 81543 ต.บ้านสวน อ.เมือง ชลบุรี จำนองเป็นประกัน
2. รายการเงินกู้ยืมจากนายสุชาติ สุรกิจบวร มูลหนี้คงเหลือ 1 ล้านบาท โฉนดเลขที่ 74419 ต.บ้านสวน อ.เมือง ชลบุรี จำนองเป็นประกัน
ป.ป.ช.ตรวจสอบไปยังนายสุชาติ สุรกิจบวร เจ้าหนี้ และสำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรีพบว่านายสุชาติรับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 74419 จำนวน 1 ล้านบาทจริง และ ป.ป.ช.ได้ให้ นายวิชิต ชี้แจงเท็จจริงกรณีไม่ยื่นแสดงรายการหนี้สินจำนวน 1 ล้านบาท ในบัญชีแสดงรายกรทรัพย์สินกรณีรับตำแหน่ง
นายวิชิตชี้แจงว่า เข้ารับตำแหน่งในช่วงเวลาเดียวกับมีการฟ้องร้องเลือกตั้งของเทศบาลเมืองบ้านสวน ทำให้ต้องชี้แจงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งหลายครั้ง จึงหลงลืม คิดว่าได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินครบถ้วนแล้วและไม่ได้ตรวจสอบบัญชีนั้นอีก แต่เมื่อพ้นจากตำแหน่งจึงได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินรายการเงินกู้ยืมจากนายสุชาติอีก จำนวน 1 ล้านบาทโดยนำที่ดินโฉนดที่ดิน 74419 จำนองเป็นประกันและส่งเอกสารประกอบแล้ว มิได้มีเจตนาปกปิดหรือหลีกเลี่ยงแต่อย่างใด ป.ป.ช.จึงมีมติเอกฉันท์เห็นว่านายวิชิตจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่ง 19 ส.ค.54 เป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ
นายวิชิตให้การปฏิเสธ แต่ก่อนเริ่มการไต่สวน ได้ขอถอนคำให้การเดิมและยื่นคำให้การใหม่เป็น ‘รับสารภาพ’
ศาลฎีกาฯเห็นว่า มูลหนี้เงินกู้ที่นายวิชิตมีอยู่กับนายสุชาติจำนวน 2 ล้านบาทเป็นเงินจำนวนมาก ที่ดินที่นายวิชิตนำไปจำนองเป็นหลักประกัน ตั้งอยู่ใน ต.บ้านสวน อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี เดิมทั้งสองแปลงเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน คือโฉนดที่ดินเลขที่ 74419 ต่อมาวันที่ 23 ก.ย.56 นายวิชิตจดทะเบียนแบ่งหักเป็นที่สาธารณประโยชน์ (ทางหลวงสุขาภิบาล) ทำให้ที่ดินถูกแบ่งออกเป็น 2 แปลง ซึ่งนายวิชิตนำโฉนดที่ดินไปจดจำนองประกันหนี้นายสุชาติเมื่อ 15 ก.ย.52 และวันที่ 21 ก.ย.52 ตามลำดับ เป็นระยะเวลาใกล้เคียงกัน คือห่างกันเพียง 5 วัน จึงไม่น่าเชื่อว่านายวิชิตจะหลงลืมว่ามีเงินกู้ยืมจากนายสุชาติอีก 1 ล้านบาท ที่มีโฉนดที่ดินมูลค่าถึง 1,600,000 บาท จำนองเป็นประกันไว้
ข้ออ้างที่ว่าเมื่อเข้ารับตำแหน่งในช่วงรับตำแหน่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่มีการฟ้องร้องเลือกตั้งของเทศบาลบ้านสวน ทำให้ต้องชี้แจงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งหลายครั้ง หลงลืม คิดว่าได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินครบถ้วนแล้ว เป็นเรื่องที่เลื่อนลอยและง่ายต่อการกล่าวอ้าง จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ ทั้งในชั้นพิจารณานายวิชิตได้การรับสารภาพ พฤติการณ์ของผู้คัดค้านที่ไม่นำพาต่อการปฏิบัติตามกฎหมายเช่นนี้
องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีเสียงข้างมากว่า นายวิชิตจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง
อ่านประกอบ:
ศาลฎีกาฯฟัน‘สุธี’บอร์ดการบินพลเรือน - 9 นักการเมืองท้องถิ่น จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
ชำแหละพฤติกรรม 10 นักการเมืองท้องถิ่น-กก.รัฐฯ‘จงใจ’ไม่ยื่นบัญชีฯถูกจำคุกรวด