เมื่อ "ยาบ้า-น้ำกระท่อม" เป็นเรื่องล้าสมัย วัยรุ่นชายแดนใต้ฮิตเสพ "ไอซ์-น้ำแข็ง"
ประเด็นที่ตกเป็นข่าวเกรียวกราวตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หนีไม่พ้นกรณีนักร้องหนุ่มขวัญใจวัยรุ่นถูกภรรยาเก่าแฉภาพกำลังเสพยาไอซ์จนฉาวโฉ่ไปทั่ว แต่พฤติกรรมการเสพยาเสพติดอย่างน่ากลัวเช่นนี้ไม่ได้มีแค่ในกรุงเทพฯหรือหัวเมืองใหญ่ หรือจำกัดเฉพาะกลุ่มไฮโซเงินหนากับศิลปินดาราเท่านั้น เพราะ "ยาไอซ์" กำลังฮิตติดอันดับยอดนิยมอยู่ในกลุ่มวัยรุ่น (ติดยา) ชายแดนใต้ด้วยเช่นกัน
"ยาไอซ์" ซึ่งเรียกทับศัพท์จากคำว่า "ICE" ที่แปลว่า "น้ำแข็ง" นั้น มีชื่อทางเคมีว่า "เมทแอมเฟตามีน ไฮโดรคลอไรด์" อยู่ในรูปผลึกใส สังเคราะห์จากสารอีเฟดรีน (Ephedrine) ที่มีความบริสุทธิ์สูง คำว่า "ไอซ์" เป็นการเรียกตามลักษณะที่ปรากฏ คือเป็นก้อนผลึกใสเหมือนน้ำแข็ง จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522
แท้ที่จริงแล้ว "ยาไอซ์" ก็คือ "ยาบ้า" แต่มีความบริสุทธ์มากกว่า คือสูงถึง 80-100% ทำให้ราคาแพง ผิดกับยาบ้าทั่วไปที่มีความเข้มข้นเพียง 20-30% เพราะจะมีคาเฟอีนหรือแป้งผสมอยู่เยอะ
ด้วยเหตุนี้วัยรุ่นและคนวัยทำงานจำนวนมากจึงนิยมหันมาเสพยาไอซ์ เพราะเชื่อว่าบริสุทธ์กว่า และสามารถเสพกันได้หลายดอกกว่ายาบ้า ประกอบกับในปัจจุบันต้องเรียกว่า "ซื้อง่าย-ขายคล่อง" วิธีเสพก็แค่นำเกล็ดน้ำแข็งไปลนกับความร้อนแล้วสูบควันเข้าไป การออกฤทธิ์ของยาเสพติดประเภทนี้ค่อนข้างเร็ว เพียง 8 วินาทีก็เข้าสู่สมอง ทำให้มึนเมาคึกคักสมดังปรารถนา
สถานการณ์ที่ชายแดนใต้วันนี้ "ยาไอซ์" หรือ "น้ำแข็ง" ระบาดหนักในหมู่ "คนเล่นยา" จนเกิดปัญหาครอบครัวตามมา เพราะบางคนไม่ได้เสพแค่ยาไอซ์ธรรมดา แต่นำไปเสพผสมกันระหว่างน้ำแข็งกับยาบ้า หรือน้ำแข็งกับน้ำใบกระท่อม ทำให้มึนเมาถึงขนาดเห็นภาพหลอน บางคนเห็นภาพภรรยาตัวเองกำลังนอนกอดกับชู้อยู่ก็มี จนเกิดการทำร้ายร่างกายถึงขั้นเลิกรา บางคนก็หลอนว่ามีคนตามทำร้าย ต้องหนีขึ้นไปอยู่บนต้นไม้หรือหลังคาบ้าน สุดท้ายต้องพึ่งหมอจิตเวชบำบัดกันวุ่นวาย
การแพร่ระบาดของยาไอซ์ในปัจจุบัน ถึงขั้นที่ "ยาบ้า" กับ "น้ำใบกระท่อม" ล้าสมัยไปเลย ทั้งๆ ที่น้ำใบกระท่อมเคยระบาดหนักถึงขนาดบางหมู่บ้าน เด็กวัยรุ่นอายุ 17-20 ปีฟันหลอกันแทบทุกคน เนื่องจากนิยมดื่มน้ำใบกระท่อมผสมน้ำหวาน จนฟันผุหักประจานผู้คนที่ผ่านไปพบเห็น แทบไม่น่าเชื่อว่าเพียงไม่กี่ปี น้ำใบกระท่อมเริ่มมีผู้เสพน้อยลง แต่ไม่ใช่เพราะการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานภาครัฐ ทว่าเป็นเพราะวัยรุ่นหันไปเสพยาไอซ์ที่ออกฤทธิ์มึนเมาแรงกว่าแทน
เปิดใจวัยรุ่นเล่นไอซ์
รุสลัน (สงวนนามสกุล) เด็กหนุ่มวัย 22 ปีจาก จ.ปัตตานี ซึ่งยอมรับว่าติด "น้ำแข็ง" อย่างงอมแงมเข้าขั้น "ไม่เสพไม่ได้" เล่าให้ฟังว่า ทุกวันนี้วัยรุ่นไม่เสพยาบ้ากับน้ำกระท่อมกันแล้ว ใครเสพถือว่าตกยุค เพราะ "น้ำแข็ง" กำลังเป็นที่นิยม ถึงแม้ราคาจะสูงกว่ายาบ้าหรือน้ำกระท่อม แต่หลายคนก็เลือกที่จะเสพน้ำแข็ง เพราะเสพได้นานกว่าและเมาทนกว่า
"สมมติเราเสพยาบ้า 1 เม็ดเราจะสูบได้ 13 ครั้ง (หมายถึงการอัดควันจากการเผาไหม้) แต่น้ำแข็งจะสูบได้มากกว่า 15 ครั้ง และที่พวกเราชอบเพราะมันไม่ทำให้สุขภาพเราโทรมเหมือนเสพยาบ้า อีกอย่างการเสพน้ำแข็งเราจะรู้สึกอิ่ม ต่างจากยาบ้าที่เล่นเท่าไหร่ก็ไม่พอ ทำให้สุขภาพโทรมเร็ว"
รุสลัน ยอมรับว่า "ไอซ์" หรือ "น้ำแข็ง" มีราคาแพง คนที่จะเสพได้จึงต้องมีเงิน ขอกันไม่ค่อยได้ และนั่นจึงเป็นที่มาของปัญหาโจรกรรม ลักเล็กขโมยน้อย
"จะอาศัยเงินที่ได้จากพ่อแม่หรือจากการทำงานก็คงไม่พอ เลยทำให้เกิดแก๊งลักขโมยมากขึ้น จะเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้เหตุงัดแงะ ฉกชิงวิ่งราวในเขตเมืองเกิดขึ้นเยอะ มีเกือบทุกคืน ขนาดเจ้าของบ้านอยู่ในบ้านยังเปิดประตูเข้าไปเอาของหน้าตาเฉย เพราะการเสพของพวกนี้ทำให้เรากล้าทำสิ่งที่ไม่ดี เพราะถ้าไม่ทำเราก็อดเสพ บางครั้งรู้ทั้งรู้ว่าเป็นสิ่งผิด แต่เราก็ต้องทำ เพราะอยากเสพน้ำแข็ง"
รุสลัน เล่าว่า เส้นทางในวังวนยาเสพติดของเขาเริ่มจากน้ำใบกระท่อม ก่อนจะพัฒนาสู่ยาบ้า และปัจจุบันคือยาไอซ์
"ผมเริ่มเล่นน้ำแข็งมาเกือบ 2 ปีแล้ว ช่วงแรกๆ ที่เริ่มเล่นยาเสพติดจะเริ่มกินน้ำกระท่อมก่อน จากนั้นก็เล่นยาบ้า ต่อมามีเพื่อนเอาน้ำแข็งมาให้ลอง พอได้ลองครั้งสองครั้งเดี๋ยวนี้ไม่เอาเลยยาบ้าหรือน้ำกระท่อม ขอน้ำแข็งอย่างเดียว ไม่มีเงินก็ขโมยเอา"
แค่มีเงิน...3นาทีของก็มา
การแพร่ระบาดของยาไอซ์มากขนาดไหน วัดได้จากสภาวะที่เรียกว่า "ซื้อง่าย ขายคล่อง" ซึ่ง รุสลัน บอกว่า ขอแค่มีเงิน โทร.สั่งเพียง 3 นาทีก็ได้เสพแล้ว
"เมื่อก่อนผมไม่รู้จักน้ำแข็งเลย เคยได้ยินแต่ในทีวีหรือในละคร คิดว่าคนมีเงินหรือพวกไฮโซเท่านั้นที่จะเล่นได้ แต่มาเดี๋ยวนี้เด็กวัยรุ่นอายุ 18 ปีขึ้นไปรู้จักหมด ผมไม่ได้รู้ด้วยตัวเอง แต่มีเพื่อนชวนให้ลอง เล่นมา 2 ปีแล้ว และรู้สึกว่าน้ำแข็งระบาดมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้แค่มีเงิน 3 นาทีของก็มา"
"วิธีการซื้อก็ไม่ยาก เขาจะซื้อกันคราวละ 500 บาท เสพได้ 2 ครั้ง เวลาจะสั่งของ เมื่อเจอคนวิ่งของหรือเด็กวิ่ง แค่พูดคำว่า ‘ไปทำงาน’ นั่งรอไม่กี่นาทีก็จะได้ของตามที่สั่ง" รุสลัน บอก
ปากคำ "เด็กวิ่งของ" แฉวิธีแบ่งขาย
น.ส.หวัง (นามสมมติ) สาวรุ่นวัย 18 ปี คือหนึ่งในกลุ่ม "เด็กวิ่งของ" ที่รุสลันพูดถึง ซึ่งจริงๆ แล้วรหัสในวงการจะเรียกกันว่า "คนทำงาน"
น.ส.หวัง เล่าว่า ตอนนี้ในพื้นที่สามจังหวัด "น้ำแข็ง" เป็นที่นิยมมากในกลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา โดยเธอทำหน้าที่ "วิ่งของ" ให้ลูกค้าตามที่สั่งซื้อหรือนัดหมายกันไว้ แต่ละวันจะมีคนซื้อไม่ต่ำกว่า 10 คน ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กและวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 15-25 ปี
"เวลารับงานมา (หมายถึงรับยาไอซ์) น้ำแข็งจะมาในลักษณะเป็นก้อนใสๆ เหมือนน้ำแข็งจริงๆ เราก็นำมาตีให้แตกเป็นก้อนเล็กๆ จากนั้นก็นำมาชั่งด้วยกิโลชั่งทอง โดยราคาอยู่ที่จี (หมายถึงกรัม) ละ 3,500 บาทถึง 4,000 บาท 4จี เท่ากับ 1 เกล็ด ราคา 11,000 ถึง 12,000 บาท แต่เวลาเอามาแบ่งขายจริงๆ ใน 1 เกล็ดสามารถเอามาแบ่งขายปลีกให้ลูกค้าเป็นเกล็ดเล็กๆ ได้อีก คิดราคาเกล็ดละ 500 บาท แต่เมื่อก่อนเราจะเน้นขายส่ง คือขายเป็นจี หรือเกล็ดให้ลูกค้าวัยทำงานหรือไม่ก็เป็นกลุ่มที่เอาไปขายต่อตามหมู่บ้านอีกทอดหนึ่ง"
น.ส.หวัง บอกว่า พฤติกรรมการซื้อและตัวผู้ซื้อเปลี่ยนแปลงไปจากช่วง 2-3 ปีก่อนมาก กล่าวคือเมื่อก่อนจะเน้นขายส่ง โดยลูกค้าเป็นคนวัยทำงาน แต่ปัจจุบันเน้นขายปลีก เพราะลูกค้าเป็นวัยรุ่น หากขายเป็นจี วัยรุ่นก็ไม่มีเงินซื้อ
"วันหนึ่งๆ จะมีคนสั่งซื้อไม่ต่ำกว่า 10 ราย ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนในพื้นที่ เขาจะโทร.มาบอกให้ไปทำงานที่นั่นที่นี่ เราก็จะนำของตามที่สั่งไปส่งตรงจุดที่นัดหมายกันไว้ แต่ละวันเราไม่ต้องทำงานอะไร เสพเองแล้วก็นำของไปส่งให้ลูกค้าก็อยู่ได้แล้ว" น.ส.หวัง กล่าว
เรื่องราวของ รุสลัน กับ หวัง คือภาพสะท้อนสังคมอันเหลวแหลกที่ชายแดนใต้ ท่ามกลางเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยต่างๆ มากมาย ทว่ากลับไม่อาจหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดได้เลย!
-------------------------------------------------------------------(ยังมีต่อตอน 2)--------------------------------------------------------------