ผบ.ตร.ชี้ตำรวจเอี่ยวผู้มีอิทธพล พบมากสุดในคดี ยาเสพติด-อาวุธ
10 มี.ค. 59 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมสยามเคม ปินสกี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการปราบปรามผู้มีอิทธิผลของรัฐบาลว่า อย่าไปคิดว่าเป็นการปราบปรามผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เราทำภาพรวมของทั้งประเทศที่ไม่เฉพาะเจาะจง ซึ่งรายชื่อที่ปรากฏออกมา มีทั้งข้อมูลเก่าและใหม่
ทั้งนี้ในส่วนของที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่และตำรวจได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทำรายงานมาภายใน 7 วัน โดยจะครบกำหนดภายในวันที่ 11 มีนาคมนี้ ซึ่งหากครบกำหนดแล้ว ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็จะมีการหารืออีกครั้งว่าจะทำอย่างไร ส่วนที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายเราจะดำเนินการตามขั้นตอน ในส่วนของเจ้าตำรวจที่มีส่วนเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลนั้น มีทั้งเป็นผู้มีอิทธิผลโดยตรงและให้การสนับสนุนผู้มีอิทธิพล ซึ่งพบมากที่สุดในฐานความผิดเกี่ยวกับคดียาเสพติด และมีบ้างที่เกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม โดยรวมเฉลี่ยแล้ว มีทั้ง 16 ฐานความผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่าหนักใจหรือไม่กับการแก้ไขปัญหา เพราะผู้มีอิทธิพลต่างมีเครือข่าย พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ความหนักใจไม่ได้อยู่ที่เจ้าหน้าที่ แต่อยู่ที่ผู้มีรายชื่อ เราไม่หนักใจอยู่แล้วเพราะมีหน้าที่ดูแลกฎหมาย คนที่มีรายชื่อหากสามารถลด ละ เลิกได้ก็ดี หากให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ก็ดี นอกจากนี้เรายังให้โอกาสกับคนที่มีรายชื่อแต่เลิกกระทำความผิดไปแล้ว ซึ่งมาตรการแก้ไขปัญหาผู้มีอิทธิพลนี้ ไม่ได้มีแค่ 6 เดือน เพราะมีแผนระยะยาว หาก 6 เดือนผ่านไปยังพบผู้มีอิทธิพลอีก เราก็จะดำเนินการอีก
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการปรากฏคลิปส่วยทางหลวง ที่ จ.นครสวรรค์ หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เห็นว่าผู้กำกับทางหลวงกำลังดำเนินการอยู่ ทั้งทางวินัยและอาญา ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ว่าคลิปนั้นจริงหรือไม่ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเรียกรับผลประโยชน์เราจะมีการตรวจสอบ และก็ให้ความเป็นธรรม ปัญหาส่วยมีมายาวนาน และเรากำลังดำเนินการอยู่ มีการควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่าต่อจากนี้การทุจริต คอรัปชั่น หรือส่วยจะลดน้อยลง และประชาชนก็ช่วยเป็นหูเป็นตาได้ เนื่องจากทุกคนมีโทรศัพท์มือ ซึ่งสามารถถ่ายคลิปได้
ขอบคุณข่าวจาก