สมเด็จช่วงจีวรร้อน"บิ๊กต๊อก"ลั่นครองรถเถื่อนต้องถูกดำเนินคดี
พล.อ.ไพบูลย์ ระบุแม้สมเด็จช่วงคืนเบนซ์ให้ผู้บริจาคแต่จะไม่มีผลต่อคดี เพราะดีเอสไอพิสูจน์แล้วเป็นรถผิดกฎหมาย ผู้ใดครอบครองต้องถูกดำเนินคดี ลั่นผิดต้องรับโทษไม่ต้องแห่กันออกมากดดัน
วันนี้(3 มี.ค.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ระบุว่าสมเด็จช่วงคืนรถยนต์โบราณผิดกฎหมายให้กับผู้บริจาคแล้ว ว่านั่นคือความประสงค์ แต่ในเนื้อหาของตัวบทกฎหมายก็ว่าไปตามกฎหมาย ตนไม่รู้รายละเอียด มันอาจจะเป็นเจตนารมณ์ที่มาแจ้งไว้ และตนก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องกฎหมาย ที่จะต้องเข้าไปสอบสวนผู้ครอบครองรถยนต์ว่ามันเชื่อมโยงกันอย่างไร
"อย่างไรก็ตามหลังจากที่ตรวจสอบว่ารถคันนี้ผิดกฎหมายสมเด็จช่วงจะสามารถคืนให้กับผู้บริจาคได้หรือไม่นั้น ผมเห็นว่าจะต้องดูที่ขั้นแรกว่ารถผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งก็จบไปแล้วว่ารถผิดกฎหมายจริง และขั้นที่สองผู้ครอบครองมีสถานะในการครอบครองรถคันนี้ผิดหรือไม่ ประเด็นที่สอบสวนมีเพียงแค่นี้ การจะนำรถไปที่ไหนและนำไปให้ใคร มันคนละประเด็นกัน คงไม่น่าจะเชื่อมโยงกันว่าเมื่อสมเด็จช่วงได้คืนรถคันนี้ให้กับผู้บริจาคแล้วจะไม่มีความผิด ซึ่งคงเป็นไม่ได้ จะต้องดำเนินคดีต่อไป เพราะมันไม่มีสิทธิ์ที่จะไม่ดำเนินคดี ซึ่งการครอบครองรถคันนี้โดยผิดกฎหมาย ถ้ามันผิดก็ต้องรับผิด จะเอารถคันนี้ไปไว้ที่ไหนก็มีความผิดเหมือนเดิม เพราะตอนนี้กำลังพิสูจน์ว่ารถคันนี้ผิดหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับว่าจะนำรถไปไหน"พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าตอนนี้หลายวัดขึ้นป้ายสนับสนุนให้ดำเนินการตั้งพระสังฆราช พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่าเป็นสิ่งที่ทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้ก็ทำไป ตนเป็นคนยึดหลักเกณฑ์กฎหมาย ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีการทูลเกล้าชื่อสมเด็จพระสังฆราชนั้น ตนไม่ได้เป็นคนส่งและไม่ได้พุดคุยเรื่องนี้ในครม. ต้องไปถามนายฯ และนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ที่ผ่านมานายกฯก็ไม่ได้พูดอะไร
"ไม่มีใครมากดดันผมได้ ไม่ต้องแห่มากดดันเต็มบ้านเต็มเมืองหรอก ผมเป็นคนทำตามกฎหมาย ถ้าคุณไม่ผิดก็ไม่ต้องกลัว ถ้าคุณผิดก็ต้องรับโทษไป คุณจะยกมาแค่ไหนผมก็ต้องลงโทษอยู่ดี ผมพูดแบบนี้มาหลายครั้งแล้วในทุกคดี แต่ถ้าผมทำไม่ถูกต้อง ก็สามารถร้องเรียนผมได้ผมจะแก้ไขให้ แต่ถ้าผมทำถูกต้องตามกฎหมาย ก็ไม่ต้องมากดดันผม"พล.อ.ไพบูลย์ ตอบคำถามที่ว่าวัดหลายแห่งขึ้นป้ายกรณีสมเด็จช่วง
เมื่อถามว่าถ้าเป็นรถยนต์ของชาวบ้านธรรมดาอาจจะถูกอายัดรถเอาไว้แต่กรณีนี้รถยนต์ของสมเด็จช่วงยังอยู่ที่วัดถือเป็นการดำเนินคดีล้าช้าหรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่าตนขอไม่ตอบเพราะไม่ได้เป็นนักกฎหมาย แต่มันก็น่าคิดซึ่งตนก็ได้ถามอธิบดี ดีเอสไอว่าทำไมต้องปล่อยเรื่องนี้ไว้ 3-4 ปี โดยไม่รีบดำเนินการ และในวันจันทร์นี้จะมีการประชุมเรื่องนี้อีกครั้ง นอกจากนี้ในส่วนของรถหรู 6,000 คันที่นำเข้าผิดกฎหมาย ตนจะเรียกกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลังมาพูดคุยแล้วตนจะแยกแยะออกว่ารถคันใดที่ดำเนินการอย่างถูกกฎหมาย ก็จะตัดบัญชีและจัดอันดับให้ใช้ จะใช้เวลากี่ปีกี่เดือนก็ตาม แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าจะต้องทำยังไง.
ขอบคุณข่าวจาก