ย้อนข้อมูล 10 ปี! คดี‘สรยุทธ-ไร่ส้ม’ก่อนศาลนัดอ่านคำพิพากษา
“…เหตุผลสำคัญที่นายสรยุทธกับพวกยกขึ้นมาต่อสู้ในคดีนี้ คือ สัญญาร่วมจัดรายการ Time Sharing (แบ่งเวลาโฆษณา) มาต่อสู้ในคดีนี้ พร้อมระบุว่า บริษัทผู้ผลิตรายการรายอื่นก็ปฏิบัติอย่างนี้เช่นกัน ซึ่งเป็นกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่เคยตรวจสอบมาก่อน รวมถึงขอเบิกพยานเพิ่มเติมเป็นพนักงานจากบริษัทเอเจนซี่โฆษณาแห่งหนึ่งอีกด้วย…”
ใกล้ถึงฉากสุดท้ายแล้ว สำหรับคดี ‘ไร่ส้ม’ !
โดยในวันที่ 29 ก.พ. 2559 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษา ในคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.พิชชาภา เอี่ยมสะอาด อดีตพนักงานบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และ น.ส.มณฑา ธีระเดช พนักงานบริษัท ไร่ส้มฯ เป็นจำเลย
กรณีถูกกล่าวหายักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในรายการ ‘คุยคุ้ยข่าว’ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ อสมท กว่า 138 ล้านบาท
ไม่ว่าท้ายสุดบทสรุปจะเป็นเช่นไร ? สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ย้อนข้อมูลมาให้สาธารณชนรับทราบ ดังนี้
ภายหลังนายสรยุทธ จัดตั้งบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดยมีนายสรยุทธ เป็นกรรมการผู้จัดการ มี น.ส.อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ และ น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ้ม เป็นกรรมการบริษัทแล้วนั้น ได้ทำสัญญาผลิตรายการกับบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2548 ถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2549 ร่วมกันผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น.
โดย อสมท. ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้บริษัท ไร่ส้มฯ ได้ครั้งละ 5 นาที ถ้ามีโฆษณาเกินกว่ากำหนด บริษัท ไร่ส้มฯ จะต้องชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้ อสมท. ในอัตรานาทีละไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท และร่วมผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ทุกคืนวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 21.30-22.00 น. โดย อสมท. ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้บริษัท ไร่ส้มฯ ได้ครั้งละ 2 นาที 30 วินาที ถ้ามีโฆษณาเกินกว่ากำหนด บริษัท ไร่ส้มฯ ต้องชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้ อสมท. ในอัตรานาทีละไม่ต่ำกว่า 2.4 แสนบาท
ต่อมาเมื่อเดือน ก.ค. 2549 นางบุณฑนิก บูลย์สิน รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด 1 ได้สังเกตพบว่า รายการข่าวเที่ยงคืน มีการออกอากาศล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนด จึงได้ทำการตรวจสอบและได้เรียกนางพิชชาภามาสอบถามต่อหน้าทุกคน
ซึ่งนางพิชชาภาได้รับสารภาพต่อหน้าทุกคนว่า บริษัท ไร่ส้มฯ มีการโฆษณาเกินเวลา และไม่มีการรายงานเพื่อเรียกเก็บเงินจริง และนางพิชชาภาได้ใช้น้ำยาลบคำผิดเฉพาะคิวโฆษณาเกินเวลาในส่วนของบริษัท ไร่ส้มฯ ในใบคิวโฆษณารวมของ อสมท. เพื่อปกปิดความผิดที่ได้กระทำขึ้นตามคำแนะนำของนายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา ธีระเดช พนักงานของบริษัท ไร่ส้มฯ ก่อนที่จะเกิดการตรวจสอบเรื่องนี้ขึ้น
ข้อเท็จจริงการไต่สวนของ ป.ป.ช. ปรากฏว่า นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด (นางชนาภา บุญโต) เจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 สำนักกลยุทธ์การตลาด อสมท. เป็นผู้รับผิดชอบผู้เดียวในการจัดทำคิวโฆษณารวมและเป็นผู้รายงานโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บเงินจากบริษัท ไร่ส้มฯ ได้ให้ความช่วยเหลือบริษัท ไร่ส้มฯ โดยไม่มีการรายงานการโฆษณาเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้มฯ เพื่อเรียกเก็บเงิน ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2549
จากการไต่สวนปรากฏว่า นายสรยุทธ ได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คของธนาคารธนชาติ สาขาพระราม 4 จ่ายเงินให้นางพิชชาภา โดยมีการทำเอกสารหักภาษี ณ ที่จ่ายรวม 6 ครั้ง เป็นเงิน 739,770 บาท เพื่อตอบแทนที่นางพิชชาภา มิได้รายงานการโฆษณาเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้มฯ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2555 ว่าการกระทำของนางพิชชาภา มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามมาตรา 6, 8, 11 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 การกระทำของนางอัญญา อู่ไทย ซึ่งเป็นหนัวหน้างานและเป็นผู้บังคับบัญชาในฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้า สำนักกลยุทธการตลาด อสมท. มีมูลความผิดทางวินัย
การกระทำของนายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา ซึ่งได้ใช้ให้นางพิชชาภา ไม่ต้องรายงานการโฆษณาเกินเวลาที่กำหนดในสัญญา ให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ และบริษัท ไร่ส้มฯ (ในฐานะนิติบุคคล) มีมูลความผิดฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดตามมาตรา 6, 8, 11 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
หลังจากนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งรายงานถึงอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลในคดีอาญา อย่างไรก็ดีฝ่าย อสส. เห็นว่าข้อเท็จจริงบางอย่างยังไม่สมบูรณ์ จึงมีการตั้งคณะกรรมการร่วม อสส.-ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาสำนวนให้สมบูรณ์ โดยใช้ระยะเวลากว่าปีเศษ
(อ่านประกอบ : ย้อนคดี“ไร่ส้ม-สรยุทธ”ยืดเยื้อ 2 ปี ก่อน อสส.เห็นพ้องป.ป.ช.ขยับฟ้องศาล)
ขณะเดียวกันกรณีนี้นายสรยุทธได้ยื่นฟ้องบริษัท อสมทฯ ต่อศาลปกครองด้วย เพื่อให้ชำระเงินค่าโฆษณาเกินส่วนแบ่งเวลาตามที่ตกลงกันไว้ในสัดส่วน 50/50 และไม่ให้ส่วนลดทางการค้า 30% ตามข้อสัญญา รวมเป็นเงินกว่า 55 ล้านบาท โดยศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาว่า ทั้งสองฝ่ายมีการโฆษณาเกินเวลาจริง และมีเจ้าหน้าที่ อสมท รู้เห็น ถือว่าเป็นความบกพร่องของบริษัท อสมทฯ ที่ไม่ดำเนินการตรวจสอบ จึงพิพากษาให้คืนเงินค่าโฆษณาดังกล่าว
อย่างไรก็ดีเมื่อกลางเดือน ก.ค. 2558 ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้ว่า บริษัท อสมทฯ ไม่ต้องจ่ายเงินค่าโฆษณา 55 ล้านบาท คืนให้กับบริษัท ไร่ส้มฯ เพราะปรากฎข้อเท็จจริงว่า บริษัท ไร่ส้มฯ มิเคยทำหนังสือขอส่วนลดค่าโฆษณากับ อสมท แต่อย่างใด เคยทำแค่เพียงครั้งเดียวในปี 2548 ส่วนการที่ อสมท ขายโฆษณาเกินเวลานั้น ถือว่าบริษัทไร่ส้มไม่ได้ผลกระทบ เพราะ อสมท ใช้เวลาของทางช่องเอง และที่ผ่านมา มีการโฆษณาเกินเวลามาโดยตลอด และบริษัทไม่ได้ทำหนังสือขอส่วนลดให้ถูกต้อง ดังนั้น การที่บริษัทไร่ส้มได้ชำระค่าโฆษณา เมื่อปี 2549 ที่ อสมท. ได้เรียกเก็บ โดยไม่ได้รับส่วนลดทางการค้า 30 % ถือว่าถูกต้องแล้ว
(อ่านประกอบ : "อสมท." พลิกชนะ! ศาลฯพิพากษาไม่ต้องจ่ายเงินโฆษณา 55 ล้าน คืนให้ บ.ไร่ส้ม)
ส่วนคดีในทางอาญา นายสรยุทธปรากฏตัวที่ศาลอาญาครั้งแรกเมื่อปลายเดือน ม.ค. 2558 ในฐานะจำเลยคดีดังกล่าว โดยในวันนั้นได้ใช้เงินสด 2 แสนบาทเพื่อประกันตัวออกมา และยืนยันว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับ อสมท ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด พร้อมจะพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อศาล
ในการไต่สวนคดีนี้ฝ่าย อสส. ยื่นพยานทั้งหมด 19 ปาก นางพิชชาภา ขอพยาน 2 ปาก นายสรยุทธ และบริษัท ไร่ส้ม ขอพยาน 25 ปาก ซึ่งซ้ำกับพยานโจกท์ 9 ปาก และ น.ส.มณฑา ขอพยาน 8 ปาก ซ้ำกับพยานโจทก์ 2 ปาก
ส่วนพยานที่ถูกกล่าวอ้างในกรณีนี้ ได้แก่ ผู้อำนวยการสำนักหนึ่ง ในกรมสรรพากร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่สำนักกฎหมายแห่งหนึ่ง รองประธานผู้อำนวยการ บริษัท อสมทฯ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีบริษัท อสมทฯ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ด้านโฆษณา บริษัท อสมทฯ นักธุรกิจอาวุโส และคณะอนุกรรมการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย
หลังจากนั้นศาลอาญาได้นัดไต่สวนพยานเรื่อยมา มีทั้งระดับ ‘บิ๊ก’ ใน อสมท และบุคคลที่เกี่ยวข้องหลากหลายวงการ ทั้งในแวดวงธุรกิจ หรือแวดวงผู้ผลิตรายการโทรทัศน์มาด้วย
ขณะเดียวกันเหตุผลสำคัญที่นายสรยุทธกับพวกยกขึ้นมาต่อสู้ในคดีนี้ คือ สัญญาร่วมจัดรายการ Time Sharing (แบ่งเวลาโฆษณา) มาต่อสู้ในคดีนี้ พร้อมระบุว่า บริษัทผู้ผลิตรายการรายอื่นก็ปฏิบัติอย่างนี้เช่นกัน ซึ่งเป็นกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่เคยตรวจสอบมาก่อน รวมถึงขอเบิกพยานเพิ่มเติมเป็นพนักงานจากบริษัทเอเจนซี่โฆษณาแห่งหนึ่งอีกด้วย
ภายหลังไต่สวนพยาน-การพิจารณาของศาลมายาวนานประมาณ 1 ปี ในที่สุดศาลอาญาได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าวแล้วในวันที่ 29 ก.พ. 2559
หากนับมาตั้งแต่ต้น ถือว่าคดีนี้ยาวนานกว่า 10 ปี
ส่วนบทสรุปจะเป็นเช่นไร ต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด !
อ่านประกอบ :
รอง กก.ผอ.อสมท เข้าให้การศาลคดีไร่ส้ม เหลือสอบพยาน ป.ป.ช. 5 คน
'สรยุทธ'ยังมาตามนัด! สืบพยานจำเลยนัด 4 สู้คดียักยอกเงินโฆษณา 138 ล.
“สรยุทธ”ลั่นมาศาลทุกนัด!สู้คดีไร่ส้ม -“อดีตบิ๊ก อสมท”ให้ปากคำยืนตามศาล ปค.
"อสมท." พลิกชนะ! ศาลฯพิพากษาไม่ต้องจ่ายเงินโฆษณา 55 ล้าน คืนให้ บ.ไร่ส้ม
“สรยุทธ”อ้างผู้ผลิตรายการอื่นก็ทำ! สู้คดียักยอกเงินโฆษณา อสมท 138 ล.
“สรยุทธ”ขอเบิกพยาน 25 ปากสู้คดีไร่ส้ม -“บิ๊ก กรมสรรพากร-อสมท”ติดโผ
ศาลอาญาไฟเขียว“สรยุทธ”เลื่อนถกคดีไร่ส้ม8มิ.ย.-หอบหลักฐานแจงเพียบ
อสส.ฟ้อง“พิชชาภา”คดีไร่ส้มตามหลัง"สรยุทธ"เกือบเดือน-อ้างไม่ได้รับหมาย
“สรยุทธ” ได้ประกันตัว! วางเงินสด 2 แสน ศาลนัดใหม่พร้อมคู่ความ 27 เม.ย.
ฟังชัด ๆ “สรยุทธ”ขอพิสูจน์ต่อศาล"อสมท"ไม่เคยเสียหายแต่ได้ประโยชน์
ย้อนคดี“ไร่ส้ม-สรยุทธ”ยืดเยื้อ 2 ปี ก่อน อสส.เห็นพ้องป.ป.ช.ขยับฟ้องศาล