มหาสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวปัตตานี...ดินแดนนี้หลากหลายวัฒนธรรม
วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ปีนี้ (2559) นอกจากจะตรงกับวันมาฆบูชาแล้ว ยังเป็นวันเปิดงานมหกรรมท่องเที่ยวปัตตานีอาเซียน กตัญญูคู่ฟ้ามหาสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ปัตตานี ด้วย
พิธีเปิดจัดกันที่สนามหน้าศาลเจ้าเล่งจูเกียง หรือ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยมี นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธาน
กิจกรรมมหาสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวมีตลอดทั้งวัน เริ่มตั้งแต่เวลา 05.00 น. ทำพิธีอัญเชิญองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว พร้อมด้วยองค์พระต่างๆ อีก 25 องค์ ออกจากศาลเจ้าแห่ไปรอบๆ เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาในองค์เจ้าแม่และองค์พระต่างๆ ได้ตั้งโต๊ะหมู่บูชากราบไหว้สักการะ เพื่อเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัว
จากนั้นเวลา 06.00 น. องค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว และองค์พระต่างๆ ได้ร่วมกัน ทำพิธีลุยน้ำ บริเวณริมแม่น้ำปัตตานี เชิงสะพานเดชานุชิด ซึ่งเป็นแห่งเดียวในเมืองไทยที่มีการทำพิธีนี้ ผู้ดูแลศาลเล่งจูเกียงบอกว่า พิธีหามเกี้ยวพระข้ามแม่น้ำ ในโลกนี้มีที่เดียวที่ปัตตานี ส่วนลุยไฟมีทำทุกแห่ง
เวลา 10.00 น.มีการทำพิธีปักหลักองค์พระหมอ เทพประธานแห่งศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว บริเวณสะพานโกสิน ข้างโรงพยาบาลปัตตานี, บริเวณสะพานแยกโรงเรียนเดชะปัตตนยานุกูล, บริเวณสะพาช็อกโกแลต ถนนเจริญประดิษฐ์, บริเวณซุ้มประตูทางเข้าเมืองปัตตานี ถนนหนองจิก และแยกโรงอ่าง ถนนมะกรูด โดยเป็นการทำพิธีครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีเท่าที่มีการจดบันทึกมา
เวลา 15.00 น.มีการทำพิธีลุยไฟบริเวณหน้าศาลเจ้าเล่งจูเกี่ยง โดยมีผู้มีจิตศรัทธาทั้งชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เดินทางมาร่วมพิธีจำนวนมาก
ผู้ร่วมงานทุกคนล้วนมีศรัทธาต่อเจ้าแม่...
นายประชา จงสอน ชาวจังหวัดนครปฐม ซึ่งรวมหาบเกี้ยวเจ้าแม่ลุยน้ำลุยไฟ เล่าว่า มาร่วมพิธีลุยน้ำลุยไฟทุกปีเพราะนับถือเจ้าแม่ การได้มาแห่เจ้าแม่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นลูกผู้ชาย ไม่มีกิจกรรมไหนที่ทำแล้วมีความสุขเท่า ความรู้สึกขณะนำเจ้าแม่ลุยน้ำลุยไฟ ตอนนั้นจิตใจโล่ง ไม่คิดสิ่งที่ไม่ดี ก่อนมาร่วมพิธีก็ต้องถือศีลทุกอย่าง
“30 ปีแล้วที่ผมมาร่วมพิธี ไฟที่นี่ลุกแรงมาก ไฟขึ้นสูง แต่เมื่อมีองค์พระอยู่บนบ่าก็สามารถพาเจ้าแม่ลุยไฟผ่านไปได้”
นายประชา บอกด้วยว่า เขาเคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงบนท้องถนน แต่รอดมาได้ราวปาฏิหาริย์ จึงเชื่อว่าเป็นเพราะบารมีเจ้าแม่ทำให้ปลอดภัย
“ผมเคยเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ รถที่ขับพังจนไม่สามารถนำชิ้นส่วนไหนมาใช้ได้เลย แต่ตัวเองกลับไม่มีบาดแผลหรือแม้แต่รอยขีดขวน ตำรวจและชาวบ้านที่มาเห็นพากันถามว่าศพอยู่ที่ไหน แต่ผมกลับไม่เป็นอะไรเลย ผมคิดสิ่งที่เราเจอมาเป็นเพราะเจ้าแม่ช่วยเราถึงรอดมาได้ทุกวันนี้ เพราะมีท่านอยู่ในใจเรา ท่านจึงคุ้มครองเรา” หนุ่มใหญ่จากนครปฐม บอก
นายอาลิ่ม จยุจแซลิ่ม ชาวมาเลเซีย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตอนแรกล้มละลายจากการทำธุรกิจ ครอบครัวต้องกินข้าวเปล่า 2 อาทิตย์ เราหมดทุกอย่าง ช่วงนั้นเพื่อนแนะนำให้มาไหว้เจ้าแม่ที่ปัตตานี ก็ลองเดินทางมาตามคำแนะนำ และสิ่งที่เห็นชัดหลังจากนั้นคือ กลับบ้านไปแล้วไม่ว่าจะทำอะไรก็ดีไปหมด ตั้งแต่นั้นมา 13 ปีจึงมาร่วมงานเจ้าแม่ทุกปี บางปีก็พานักท่องเทียวมาร่วมงานด้วย
“ครั้งแรกที่มาไหว้เจ้าแม่ ได้ขอทั้งน้ำตาว่าขอให้ครอบครัวเรามีชีวิตที่ดีขึ้น ทำธุรกิจขอให้ดี มีเงินใช้ ผมมีวันนี้เพราะมีเจ้าแม่ เจ้าแม่ช่วยครอบครัวผม จากวันนั้นมาเจ้าแม่ยังให้เจออภินิหารอีกหลายอย่าง ทั้งเรื่องค้าขายและเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ตอนนี้ครอบครัวมีกินมีใช้” นายอาลิ่ม กล่าว
ขณะที่ นายมงคล มุ้งแสง ชาวจังหวัดปัตตานี บอกว่า คนที่มาร่วมงานล้วนศรัทธาเจ้าแม่ หลายคนมาจากมาเลเซีย สิงค์โปร์ บรูไน คนมาไหว้กลับไปแล้วชีวิตดีขึ้นก็จะกลับมาไหว้เจ้าแม่อีกครั้ง จากนั้นก็จะมาทุกปี เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นมากว่า 12 ปีจึงไม่มีผลทำให้ผู้ศรัทธาเลิกเดินทางมา
“ผมเคยโดนระเบิดอาการสาหัส รอดมาได้เพราะมีเจ้าแม่ นอกจากนั้นยังเคยเกิดอุบัติเหตุ แต่รอดมาได้เพราะเจ้าแม่เช่นกัน”
นายประยูรเดช คณานุรักษ์ ประธานมูลนิธิเทพปูชนียสถาน ผู้ดูแลศาลเจ้าเล่งจูเกียง กล่าวว่า ตั้งแต่ตรุษจีนเป็นต้นมา มีคนเข้ามาที่ศาลเจ้าเยอะ ทั้งนักท่องเที่ยวและคนที่นับถือบูชาเจ้าแม่เข้ามาเยอะมาก ถือว่าเยอะกว่าปีแรกๆ ที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ
ชาวพุทธบาเจาะ 22 ครัวเรือนพร้อมใจเวียนเทียนมาฆบูชา
วันเดียวกัน ที่วัดอุไรรัตนาราม เขตเทศบาลตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส นายสุเมธ นันทะเขต ปลัดป้องกัน อำเภอาเจาะ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ไชยยงค์ ชำนาญดี รองผู้กำกับการ สภ.บาเจาะ และ น.ต.เอกราช นันเป้ง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ได้นำชาวไทยพุทธที่อาศัยในเขตเทศบาลบาเจาะ จำนวน 22 ครัวเรือน รวมกว่า 80 คน นำข้าวปลาอาหารเดินทางไปร่วมทำบุญเนื่องในวันมาฆบูชา โดยมี พระอธิการจิรพนธ์ ธมมจาโร เจ้าอาวาสวัดอุไรรัตนาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
หลังจากนั้นได้มีพิธีเวียนเทียนรอบพระอุโบสถจำนวน 3 รอบ โดยวัดอุไรรัตนาราม เป็นวัดแรกของจังหวัดที่จัดให้มีพิธีเวียนเทียนในวันมาฆบูชา คือเวียนเทียนตั้งแต่กลางวัน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันเหตุร้ายจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี
ส่วนวัดอื่นๆ ในพื้นที่ 13 อำเภอของจังหวัดนราธิวาส ได้มีพิธีเวียนเทียนพร้อมกันในเวลา 16.00 น. โดย นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานนำพุทธศาสนิกชนเวียนเทียนรอบองค์พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล พระพุทธรูปนั่งประทานพรกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ บริเวณพุทธอุทยาน วัดเขากง อำเภอเมืองนราธิวาส
ขณะที่วัดประชาภิรมย์ ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส มีพิธีเวียนเทียน เวลา 20.00 น. ซึ่งเป็นวัดเดียวในจังหวัดที่มีการเวียนเทียนในเวลากลางคืน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1-3 บรรยากาศงานมหาสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวที่ปัตตานี
4 ชาวพุทธบาเจาะ นราธิวาส พร้อมใจกันเวียนเทียน