เทียบจุดตาย! ‘ราชภักดิ์-อผศ.ขุดคลอง’ วัดใจ‘รบ.บิ๊กตู่’สางปัญหาใต้พรม?
“…เมื่อโครงการของรัฐบาล กลับถูกตั้งคำถามถึงความไม่โปร่งใสซะเอง กลับไม่ทำอะไรที่เป็นรูปธรรมเหมือนกับเรื่องทุจริตอื่น ๆ การตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ก็ให้หน่วยงานที่โดนครหาตั้งเองสอบกันเอง…”
นับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีต ผบ.ทบ. เข้ามาบริหารประเทศด้วยการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 กระทั่งจัดตั้งรัฐบาลจนถึงปัจจุบัน
พบว่า การดำเนินโครงการของรัฐบาลหลาย ๆ โครงการถูกสังคมจับตาและตั้งคำถาม หรือมีข้อครหาหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (งบตำบลละ 5 ล้านบาท) โครงการสร้างทางเดินเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา หรือโครงการรถไฟความเร็วปานกลางรางเดี่ยว 3.3 ล้านล้านบาท
ไม่ว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวจะเป็นอย่างไร มีความไม่ชอบมาพากลจริงหรือไม่ ?
แต่ข้อเท็จจริงที่พบขณะนี้มีอยู่ 2 โครงการที่กำลังถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบ และสังคมต้องการคำตอบอย่างหนัก ได้แก่ 1.โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ 2.กรณีการขุดลอกแหล่งน้ำทั่วประเทศที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ได้สิทธิพิเศษในการทำงาน
เป็นอย่างไร ? สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ขมวดปมมาให้เห็น ดังนี้
@โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์
โครงการนี้แบ่งงบประมาณออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ งบประมาณกลาง และงบประมาณจากการบริจาค ผ่านกองทุนกองทัพบก และมูลนิธิราชภักดิ์
โดยงบประมาณส่วนใหญ่คือเงินบริจาค ที่ ‘บิ๊กหมู’ พล.อ.ธีรชัย เคยให้สัมภาษณ์ว่า ใช้งบประมาณการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ประมาณ 1 พันล้านบาท ส่วนงบกลางนั้น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพบว่า ใช้เงินไปทั้งสิ้นประมาณ 46 ล้านบาทเศษ
ในโครงการนี้ มีข้อสงสัยอยู่ 2 ประเด็นด้วยกัน คือ
หนึ่ง มีกรณีการหักหัวคิวขึ้นจริงหรือไม่ ตามคำให้สัมภาษณ์ของ ‘บิ๊กโด่ง’ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต ผบ.ทบ. และ รมช.กลาโหม
ประเด็นนี้ สตง. ตรวจสอบเสร็จแล้ว โดยนายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือ ‘อุ๊ กรุงสยาม’ เซียนพระชื่อดังที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่ขบวนการหักหัวคิวได้เข้าให้การกับ สตง. แล้ว โดยนำข้อมูลเป็นเช็ค 5 ฉบับ วงเงินประมาณ 20 ล้านบาท สั่งจ่ายในนามบริษัท สยามปุระ จำกัด มายืนยันเป็นหลักฐานว่า ไม่ได้มีพฤติการณ์เรียกรับเงินค่าหัวคิว
อย่างไรก็ดีสำนักข่าวอิศราได้รับการยืนยันจากโรงหล่อหลายแห่งที่ปรากฏชื่อเป็นผู้หล่อองค์พระรูปบูรพกษัตริย์ว่า ในขั้นตอนการก่อสร้างนั้น มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้กับ ‘เซียนอุ๊’ ด้วยจำนวนหนึ่ง แต่ต่อมาทหารโทรศัพท์ติดต่อกลับถามว่า ทวงเงินดังกล่าวคืนมาได้แล้ว จะเอาคืนหรือไม่ ฝ่ายโรงหล่อไม่ติดใจ และให้นำเงินดังกล่าวทั้งหมดบริจาคไปในการก่อสร้างอุทยานฯแทน
ขณะเดียวกันตรวจสอบพบอีกว่า ‘เซียนอุ๊’ ออกจากการถือหุ้นบริษัท สยามปุระ จำกัด เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2558 ซึ่งเป็นช่วงที่การตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานฯกำลัง ‘ฝุ่นตลบ’ ยังไม่รู้ใครเป็นใคร
ดังนั้น สิ่งที่ต้องจับตาคือ เช็ค 5 ฉบับดังกล่าว ออกมาในช่วงเวลาไหน หากเป็นช่วงเวลาหลังวันที่ 16 พ.ย. 2558 ภายหลังที่ ‘เซียนอุ๊’ พ้นจากการถือหุ้นบริษัทดังกล่าวแล้ว ‘เซียนอุ๊’ นำเช็คดังกล่าวมาได้อย่างไร และเงินดังกล่าวเป็นของใครกันแน่ ?
(อ่านประกอบ :หุ้น‘เซียนอุ๊’หายจาก บ.สยามปุระฯช่วงเกิดเรื่องราชภักดิ์-นักธุรกิจโผล่ถือแทน, สตง.ชงศอตช.ชี้ขาดผลสอบราชภักดิ์ ลั่นพร้อมให้สื่อซักถาม-โชว์เช็คเซียนพระ)
อีกเงื่อนปมหนึ่งที่สำคัญคือ งบประมาณกลางที่ก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ งานก่อสร้างรั้วอุทยานฯ สร้างพื้น และติดตั้งหินอ่อนรอบพระแท่น รวมวงเงิน 46 ล้านบาทเศษ โดยงานสร้างพื้น และติดตั้งหินอ่อนรอบพระแท่นนั้น ปรากฏชื่อบริษัท สยามสโตนอาร์ต จำกัด เป็นผู้รับเหมาจาก จ.นนทบุรี ดำเนินการก่อสร้าง
ส่วนงานก่อสร้างรั้วอุทยานราชภักดิ์นั้น ประกาศเชิญชวนประกวดราคา เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2558 ราคากลาง 9.3 ล้านบาท ต่อมากองทัพบกได้ยกเลิกประกาศเชิญชวนประกวดราคางานก่อสร้างรั้วอุทยานราชภักดิ์ โดยไม่ระบุช่วงเวลา และเหตุผลในการยกเลิกแต่อย่างใด ?
(อ่านประกอบ : ทบ.ยกเลิกประกวดราคาสร้างรั้ว‘ราชภักดิ์’วิธีพิเศษ 9.3 ล.ทั้งที่ทำเสร็จแล้ว)
ทว่าผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2558 พบว่า การก่อสร้างรั้วอุทยานราชภักดิ์เสร็จหมดแล้ว นอกจากนี้ในการลงพื้นที่ครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2558 ได้รับการยืนยันข้อมูลจากทหารในพื้นที่ และคนงานก่อสร้างทำนองว่า งานก่อสร้างส่วนใหญ่เกิดจากการบริจาคของบริษัท ช.การช่าง จำกัด รวมถึงงานก่อสร้างรั้วด้วย
(อ่านประกอบ : ย้อนข้อมูล ทบ.ประกาศจ้างสร้างรั้ว 'ราชภักดิ์'ยกเลิกหลังทำเสร็จ-ใครสร้าง?)
อย่างไรก็ดีอาจเป็นไปได้ว่าระบบในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ มีเงินไหลเวียนอยู่หลายบัญชี ทำให้เกิดความยุ่งยากในการดึงเงินมาเบิกจ่าย ขณะเดียวกันบรรดาเอกชนได้เข้ามารับงานก่อสร้างในรูปแบบการบริจาค และออกใบเสร็จเพื่อนำไปลดการจ่ายภาษี ทำให้บางครั้งไม่จำเป็นต้องประกาศเชิญชวนประกวดราคา
แต่ประเด็นคือขณะนี้ งานก่อสร้างรั้วอุทยานฯดำเนินการไปแล้วเสร็จแล้ว ซึ่งอาจเป็นไปได้อีกทางหนึ่งว่า ภายหลัง สตง. เข้าไปตรวจสอบ พบว่า มีการสร้างรั้วดังกล่าวไว้อยู่แล้ว และไม่ได้ใช้งบแผ่นดินในการก่อสร้าง เลยให้กองทัพบกยกเลิกไป
ดังนั้นคำถามต่อมาคือ เงินก้อนดังกล่าวสรุปว่าได้ใช้หรือไม่ และนำทำอะไรต่อ ตรงนี้ต้องติดตามและรอผลการตรวจสอบของ สตง. ที่สรุปและอยู่ระหว่างส่งให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เป็นผู้พิจารณา
@กรณีการขุดลอกแหล่งน้ำทั่วประเทศที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ได้สิทธิพิเศษในการทำงาน
กรณีนี้มีอยู่ 2 ประเด็นใหญ่ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบคือ
หนึ่ง กรณีการอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพื่อหักหัวคิวในการเข้าไปรับงานช่วงจาก อผศ. ในการขุดลอกแหล่งน้ำ
สอง กรณี อผศ. จ้างช่วงเอกชนหลายแห่งเข้าไปดำเนินการขุดลอกแหล่งน้ำแทน ซึ่งอาจขัดกับมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ที่นำเสนอผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรี กับ คสช. ทั้งที่มติดังกล่าวระบุชัดเจนว่า ห้าม อผศ. จ้างเอกชนทำงานต่อ
โดยกลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายประชาชนต้านทุจริตคอร์รัปชั่น ยื่นเรื่องร้องเรียน ‘บิ๊กตู่’ และ สตง. ไปแล้ว ระบุใจความว่า มีกลุ่ม ‘คุณนาย อ.’ กับพวก เป็นผู้ประสานงานกับ ‘ผู้บริหารรายหนึ่ง’ ในสำนักงานการเกษตรการอุตสาหกรรมและการบริการ (สกบ.) หน่วยงานใน อผศ. ที่รับผิดชอบเรื่องการขุดลอกแหล่งน้ำโดยตรง โดยจะ ‘ส่งซิก’ ไปยังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประจำจังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้เตรียมงานขุดลอก เมื่อเสร็จแล้วจะส่งเรื่องกลับไปยัง อผศ. และดำเนินการเซ็นสัญญาเช่าเครื่องจักรกับเครือข่าย ‘คุณนาย อ.’
สำหรับพฤติการณ์ในการเซ็นสัญญานั้น เมื่อเครือข่าย ‘คุณนาย อ.’ ได้รับสัญญามาแล้ว จะขายช่วงต่อให้กับผู้รับเหมาอีกชั้นหนึ่งในแต่ละพื้นที่ เพื่อนำไปกระจายงานให้กับผู้รับเหมารายย่อยอีกชั้นหนึ่งในพื้นที่ต่าง ๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ ปภ.จังหวัด คอยการันตีเรื่องเงินให้ ขณะเดียวกันมีการแอบอ้างด้วยว่า จะหักเงินเข้า อผศ. จำนวน 10% และนำไปจ่ายให้กับ ‘ผู้ใหญ่’ 20%
อย่างไรก็ดีปัญหาขณะนี้คือ เมื่องานมาถึงมือผู้รับเหมารายย่อยที่ทำงานเสร็จทั้งหมดแล้ว แต่ได้เงินเพียง 30-40% ซึ่งแทบไม่คุ้มค่ากับแรงที่ลงไป บางแห่งเมื่อทำงานเสร็จก็ไม่ได้รับเงินค่าจ้าง จึงมีการร้องเรียนกับ ปภ.จังหวัด ซึ่ง ปภ.จังหวัด ได้ทำหนังสือไปยัง อผศ. ทำนองว่า จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เพราะผู้รับเหมารายย่อยยังไม่ได้รับเงิน ส่วน ปภ. ก็จ่ายเงินให้กับ อผศ. ไปหมดแล้วด้วย
บันทึกข้อตกลงเช่าเครื่องมือ เครื่องจักร และยานพาหนะ จาก อผศ.
ทั้งหมดคือเงื่อนปมสำคัญในเรื่องความไม่ชอบมาพากลของการดำเนิน 2 โครงการดังกล่าว ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเอกชนเข้ามารับงานโดยวิธีพิเศษเทียบกับวิธีการรับงานด้วยการบริจาค นั่นคือไม่ต้องผ่านการแข่งขันราคากับรายอื่น ๆ เช่นกัน
ถือเป็นเรื่องที่สะท้อนกลับไปยังรัฐบาล ‘บิ๊กตู่’ ซึ่งถวายสัตย์เข้ามาปฏิบัติงานเป็น ‘หัวหอก’ นำประเทศไปสู่การปฏิรูป พร้อมทั้งกำจัดคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ
เห็นได้จากการลุยรื้อตรวจสอบโครงการรัฐบาลเก่า ๆ ไม่ว่าจะเป็นคดีทุจริตบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่แต่งตั้งคณะกรรมการความรับผิดทางละเมิด เพื่อเรียกเงินให้ผู้ที่เกี่ยวข้องชดใช้ รวมถึงการออกกฎหมายพิเศษ เช่น มาตรา 44 ให้ข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตพักการปฏิบัติงานไปก่อน ซึ่งมีการออกแอ็คชั่นเป็นอย่างดี
ทว่าเมื่อโครงการของรัฐบาล กลับถูกตั้งคำถามถึงความไม่โปร่งใสซะเอง กลับไม่ทำอะไรที่เป็นรูปธรรมเหมือนกับเรื่องทุจริตอื่น ๆ การตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ก็ให้หน่วยงานที่โดนครหาตั้งเองสอบกันเอง ทั้งที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นถึงอดีต ผบ.ทบ. และ รมช.กลาโหม อย่างกรณีของการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกระทรวงกลาโหม ออกมาระบุทำนองว่า ยังไม่มีอำนาจก้าวล่วงตรวจสอบไปเรื่องทุจริต เป็นต้น
เมื่อมีคนถามถึงเรื่องทุจริตในโครงการของรัฐบาลตัวเอง ผู้นำระดับสูงในฝ่ายบริหารต่างก็บอกปัด หรือมีน้ำโห หรือบางครั้งก็ใช้วาจาผรุสวาทใส่นักข่าวที่ถามคำถามดังกล่าวอย่างโจ่งแจ้ง แทนที่จะออกแอ็คชั่นว่า ดำเนินการไปถึงไหนอย่างไรแล้ว
แล้วอย่างนี้จะเรียกได้ว่าเข้ามากำจัดคอร์รัปชั่นอย่าง ‘เต็มรูปแบบ’ ได้อย่างไร ?
เพราะเมื่อท่านพูดประชาชนจะฟัง แต่เมื่อท่านลงมือทำประชาชนถึงจะเชื่อ !
อ่านประกอบ :
ตีเช็ค5ใบ20ล. บริจาคแทนโรงหล่อ!เซียนพระอุ๊ โผล่แจงสตง.ไร้หัวคิวราชภักดิ์
ทหารตามเงินได้แล้ว แต่ไม่มีใครเอาคืน! โรงหล่อแจงยิบปมจ่ายเงิน 'เซียนพระ'
แกะรอย 'อุ๊ กรุงสยาม' เซียนพระคดีอุทยานราชภักดิ์ ถูกทหารเชิญตัวให้ปากคำจริงหรือ?
ขมวดปมหัวคิวโรงหล่อ! สรุป 'เซียนพระอุ๊' มีเอี่ยวจริงหรือ? หาตัวมาแถลงชัดๆได้ไหม?
เปิดตัว2เอกชนใหม่ สร้างตึก รปภ.-ป้ายราชภักดิ์!คู่สัญญาร.ร.นายร้อยฯ 216 ล.
ทบ.ยกเลิกประกวดราคาสร้างรั้ว‘ราชภักดิ์’วิธีพิเศษ 9.3 ล.ทั้งที่ทำเสร็จแล้ว
ย้อนข้อมูล ทบ.ประกาศจ้างสร้างรั้ว 'ราชภักดิ์'ยกเลิกหลังทำเสร็จ-ใครสร้าง?
ทบ.เฉย! ‘อิศรา’ร้องเรียน กก.ข่าวสารฯขอให้เปิดเผยข้อมูลสร้างราชภักดิ์