พลิกดู เงื่อนไขสัญญาค้ำประกันทุน ก.พ. ปรับ 3 รอบ -ทำผิดสัญญาลดฮวบ
สำนักงาน ก.พ.อยู่ระหว่างปรับปรุงหลักเกณฑ์การทำสัญญาค้ำประกันผู้รับทุนรัฐบาลให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในหมวดว่าด้วยค้ำประกัน ที่ประกาศใช้ ปี 2558 โดยจะคุ้มครองผู้ค้ำประกัน ไม่ฟ้องผู้ค้ำประกันจนกว่าจะทวงหนี้จากนักเรียนทุนที่แท้จริงก่อน รวมถึงกำหนดวงเงิน ระยะเวลาการค้ำประกันที่ชัดเจนในสัญญา
“การให้ทุนคนใดคนหนึ่งไป เท่ากับอีกคนจะเสียโอกาสของการรับทุน ดังนั้นทุนรัฐบาลคุณค่าและความหมายมีในตัวของมันเอง คุณก้าวเข้ามารับทุน เท่ากับอาสาทำงานให้ราชการ เราจึงค่อนข้างจะหวัง คนที่เราส่งไปจะได้เฉพาะตัวคน องค์ความรู้ และประสบการณ์ที่เขาไปเก็่บเกี่ยว มีค่า และเราก็รู้ว่า ราชการความจำเป็นต้องปรับปรุงพัฒนา ฉะนั้น "คน" ที่มีความรู้ความสามารถจะช่วยสร้างระบบราชการให้มีประสิทธิภาพ เป็นประโยชน์กับประเทศชาติได้ ”
หม่อมหลวงพัชรภากร เทวกุล รองเลขาธิการ ก.พ. กล่าวระหว่างแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงสถิติเกี่ยวกับทุนของรัฐบาล ในส่วนรับผิดชอบของ ก.พ. ที่จัดสรรทุนตามความต้องการของส่วนราชการ รวมถึงอธิบายถึงหลัก และวิธีคิด ก่อนจะตอบคำถามเหตุใด และทำไมการให้ทุนรัฐบาลถึงต้องมีเงื่อนไขและข้อผูกพัน
ปัจจุบันสำนักงาน ก.พ.จัดสรรทุนของรัฐบาล (ทุน ก.พ.) ให้แก่ส่วนราชการ ปีละ 500 ทุนต่อปี โดย 60% จัดสรรให้กับข้าราชการ และ 40% เปิดให้บุคคลทั่วไป โดยมีพันธะผูกพัน 2 ข้อ คือ
1. เมื่อผู้รับทุนแล้ว จะต้องกลับเข้าปฏิบัติราชการ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 เท่าของระยะเวลาที่ได้รับทุน
และ 2.กรณีที่ผู้ได้รับทุน ไม่เข้ารับราชการ หรือปฏิบัติงานของทางราชการเพื่อชดใช้ทุนตามสัญญาที่ได้ทำไว้ จะต้องชดใช้เงินทุนฯ ที่ได้จ่ายไป บวกเบี้ยปรับอีก 2 เท่าของจำนวนเงินทุนดังกล่าว
ขณะที่สังคมเริ่มสงสัยเงื่อนไขสัญญาค้ำประกันนักเรียนทุนของรัฐบาล มีความยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรมนั้น
รองเลขาธิการ ก.พ. ยืนยันว่า เรื่องนี้รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยไม่ได้นิ่งนอนใจ เห็นปัญหาของสัญญาค้ำประกันการให้ทุนมาตั้งนานแล้ว
ในส่วนของทุน ก.พ.จะพบว่า แต่ละช่วงเวลามีการปรับหลักเกณฑ์มา โดยตลอด ดังนี้
- ช่วงก่อนปี 2536 สัญญาค้ำประกัน กำหนดให้มีผู้ค้ำประกันหนึ่งราย และมีการประกันใน 2 ลักษณะ คือการประกันด้วยทรัพย์สิน และการประกันด้วยบุคคล โดยไม่ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ค้ำประกันไว้ตายตัว นอกจากเป็นข้าราชการชั้นโท จะต้องแสดงหลักทรัพย์ ถ้าไม่มีให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของส่วนราชการผู้ทำสัญญา
ซึ่งในช่วงปี 2520 ได้มีหนังสือกกระทรวงการคลัง กำหนดผู้ทำสัญญาค้ำประกันต้องมีหลักทรัพย์ที่คุ้มกับเงินเดือน หรือเงินทุน เงินอื่นๆ ที่พึงชดใช้คืนหากมีการผิดสัญญา
- ต่อมา สัญญาค้ำประกันนักเรียนทุนรัฐบาล ได้มีการปรับปรุงตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2536 ว่า
1) ผู้ค้ำประกันกันจะต้องเป็นบุคคลภายนอก ซึ่งมิใช่ข้าราชการ หรือลูกจ้างส่วนราชการ และผู้ค้ำประกันจะต้องนำหลักทรัพย์มาแสดงไว้ในสัญญาค้ำประกัน โดยมีราคาหลักทรัพย์ที่คุ้มกับเงินเดือน เงินทุน หรือเงินอื่นๆ ที่พึงชดใช้คืนหากมีการผิดสัญญา
2) กรณีที่ไม่สามารถดำเนินการข้างต้นได้ และต้นสังกัดพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้าราชการที่ทำสัญญาไปศึกษาฯ ไม่สามารถจัดหาผู้ค้ำประกัน ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้จริง จะให้ข้าราชการเป็นผู้ค้ำประกันได้ แต่จะต้องมีผู้ค้ำประกันไม่น้อยกว่า 3 คน
- กระทั่งต่อมา ครม. 14 พฤษภาคม 2539 มีมติเห็นชอบให้แก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์การทำสัญญาค้ำประกัน ตามความเห็นของของกระทรวงการคลังกำหนด
1) ให้ผู้ค้ำประกันต้องเป็นบิดา หรือมารดาของผู้ที่จะไปศึกษา โดยผู้ค้ำประกันไม่ต้องแสดงหลักทรัพย์ในการทำสัญญาค้ำประกัน
2) ในกรณีไม่สามารถจัดหาผู้ค้ำประกันตามข้อ 1) ได้ ผู้ค้ำประกันจะต้องเป็นพี่ หรือน้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกันกับผู้ที่จะไปศึกษา โดยผู้ค้ำประกันไม่ต้องแสดงหลักทรัพย์ในการทำสัญญาค้ำประกัน หรือ
3) ในการกรณีไม่สามารถจัดหาผู้ค้ำประกันตาม ข้อ 1) และ 2) ได้ ให้กระทรวง ทบวง กรม ที่เป็นคู่สัญญาของผู้ที่จะไปศึกษา ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาตรวจสอบ หากผลการพิจารณาตรวจสอบปรากฏว่า ผู้ที่จะไปศึกษาไม่มีบุคคลตามข้อ 1) และ2) ที่จะมาทำสัญญา ค้ำประกัน และผู้ที่จะไปศึกษามีศักยภาพสูงยิ่งในการศึกษา ก็ให้ผู้ที่จะไปศึกษาทำสัญญาลาศึกษา โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันได้
ปัจจุบันนี้ สำนักงาน ก.พ.อยู่ระหว่างการดำเนินการปรับปรุงหลักเกณฑ์การทำสัญญาค้ำประกันผู้รับทุนรัฐบาลให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในหมวดว่าด้วยค้ำประกันซึ่งประกาศใช้เมื่อต้นปี 2558 โดยจะคุ้มครองผู้ค้ำประกัน ทั้งการไม่ฟ้องผู้ค้ำประกันจนกว่าจะทวงหนี้จากลูกหนี้ชั้นต้น (นักเรียนทุน) ที่เป็นลูกหนี้ที่แท้จริงก่อน รวมถึง ต้องมีการกำหนดวงเงิน ระยะเวลาการค้ำประกันที่ชัดเจนในสัญญา
" จากนี้ไปการฟ้องผู้ค้ำประกันจะกำหนดวงเงินสูงสุดเอาไว้ ให้เข้าใจก่อน วงเงิน ระยะเวลาการค้ำประกันที่ชัดเจนในสัญญา จากเดิมมีการเขียนกันลอยๆ กฎหมายใหม่ต่อไปนี้การเซ็นสัญญาต้องรับรู้รับทราบ ยินยอมทั้งสองฝ่าย"หม่อมหลวงพัชรภากร ชี้ให้เห็นว่า ต่อไปนี้การค้ำประกันนักเรียนทุนของรัฐบาลกำลังเปลี่ยนเปลงไปเรื่อยๆ
การปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ดังกล่าวมาโดยตลอดนี่เอง รองเลขาธิการ ก.พ. ย้ำชัดว่า ทำให้จำนวนผู้ทำผิดสัญญาชดใช้ทุนในส่วนของ ก.พ.ลดลง
ก่อนปี 2539 ที่สัญญาค้ำประกัน กำหนดเงื่อนไขเป็นบุคคลภายนอก หรือเป็นข้าราชการ มีผู้ทำผิดสัญญา 14 ราย
ปี 2539-2541 เมื่อมีการปรับเงื่อนไขผู้ค้ำประกันเป็นบิดา หรือมารดา หรือพี่น้องในสายเลือด มีผู้ทำผิดสัญญา 8 ราย
กระทั่งปี 2552 – ปัจจุบัน เปลี่ยนเงื่อนไขการชดใช้ทุนให้ยืดหยุ่น โดยให้ไปใช้ทุนได้ในหน่วยงานของรัฐได้ด้วย เหลือผู้ทำผิดสัญญา เพียงแค่ 1 ราย
และเมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนผู้ทำผิดสัญญาชดใช้ทุนระหว่างช่วงปี 2552-ปัจจุบัน ที่มีจำนวน 888 ราย สัดส่วนผู้รับทุนที่ทำผิดสัญญาคิดเป็น 0.11% เท่านั้น