จรวดแสวงเครื่องโผล่นราฯ คาดล็อตเดียวกับปัตตานี
เจ้าหน้าที่หน่วยทำลายวัตถุระเบิด หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย ชี้ว่า องค์ประกอบของชิ้นส่วนจรวดแสวงเครื่องที่พบล่าสุดในอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เหมือนกับที่พบก่อนหน้านี้ที่ปัตตานี คาดว่าผลิตจากแหล่งเดียวกัน
ชิ้นส่วนที่คาดว่าเป็นจรวดแสวงเครื่อง ถูกพบที่บ้านของ นายมูฮัมมะรุสดี สาและ อายุ 39 ปี เลขที่ 7 บ้านกาเยาะมาตี หมู่ 3 ตำบลกาเยาะมาตี อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด หรือ อีโอดี ได้เข้าพิสูจน์ทราบเมื่อช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 พบวัตถุคล้ายระเบิดแสวงเครื่องประกอบใส่ในท่อเหล็กทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว มีลักษณะเหมือนหัวจรวด ตกอยู่ในห้องโถงกลางบ้าน โดยคนในบ้านให้ข้อมูลว่า วัตถุดังกล่าวซึ่งคาดว่าเป็นจรวดแสวงเครื่อง ตกลงมาเมื่อกลางดึกเวลาประมาณ 00.30 น. เจ้าหน้าที่อีโอดีใช้เวลาเก็บกู้ประมาณ 10 นาที จึงนำหัวจรวดไปทำลายทิ้งที่สนามฟุตบอลโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามที่อยู่ใกล้ๆ กัน อานุภาพของระเบิดมีน้ำหนักราว 10 กิโลกรัม มีลูกเหล็กทรงกลม หรือ บอล แบริ่ง เป็นสะเก็ดระเบิด
จากการเคลียร์พื้นที่สนามฟุตบอล พบฐานยิงจรวดแบบประกอบขึ้นเอง ทำจากท่อพีวีซีขนาด 5 นิ้ว ยาว 1 เมตร ฝังดินไว้ประมาณ 70 เซนติเมตร มีสายไฟต่อวงจรกับแบตเตอรี่ คาดว่าเป็นตัวจุดชนวน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการทดลองใช้งาน แต่พลาดไปตกบ้านชาวบ้าน เคราะห์ดีที่ไม่เกิดระเบิด ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าคนร้ายไม่ได้จงใจให้เกิดการระเบิด เป็นเพียงทดสอบวิถีและระยะยิงเท่านั้น
แหล่งข่าวจากหน่วยทำลายวัตถุระเบิด หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย ซึ่งรับผิดชอบภารกิจเก็บกู้และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุระเบิดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า จรวดแสวงเครื่องที่พบใหม่ที่อำเภอบาเจาะ เป็นการทดลองใช้งานของกลุ่มคนร้าย ตรวจสอบวัตถุพยานต่างๆ แล้วมีส่วนประกอบเหมือนกับที่พบที่ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา
อนึ่ง หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจพบจรวดแสวงเครื่องที่จังหวัดปัตตานี ช่วงปลายเดือนมกราคม ปรากฏว่ากลุ่มพูโล เอ็มเคพี ซึ่งมี นายกัสตูรี มาห์โกตา เป็นแกนนำ ได้แพร่ข้อมูลทางเว็บไซต์และเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์ของกลุ่ม อ้างว่าจรวดแสวงเครื่องเป็นอาวุธชนิดใหม่ของฝ่ายกองกำลังของพูโลที่ใช้ชื่อว่า NAMPRA Army
แกะรอยหาแหล่งผลิตจรวดแสวงเครื่อง
สำหรับจรวดแสวงเครื่องล็อตแรกที่พบที่ปัตตานีนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมัน่คงกำลังแกะรอยเพื่อหาแหล่งผลิต และกลุ่มคนร้ายที่นำมาใช้งาน
ข้อมูลจากหน่วยทำลายวัตถุระเบิด หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย ระบุว่า “จรวดแสวงเครื่อง” ที่พบเมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ปัตตานีนั้น มีทั้งหมด 5 ลูก ถูกยิงออกไปแล้ว 4 ลูก เหลือในสภาพสมบูรณ์เพราะยังไม่ได้ยิงเพียงลูกเดียว ส่วนท่อที่เข้าใจว่าเป็นจรวดอีกลูกหนึ่งนั้น เป็นท่อที่ถูกยิงหัวจรวดออกไปแล้ว เป้าหมายค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นท่าอากาศยานปัตตานี หรือสนามบินบ่อทอง และกองพลทหารราบที่ 15 ซึ่งอยู่ไม่ห่างกัน
ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการตรวจหาหัวจรวดที่ถูกยิงออกไปแล้วว่าไปตกที่ไหน ประกอบกับเก็บรวบรวมจากพยานหลักฐานที่พบ ทั้งตัวจรวดที่ยังไม่ได้ใช้ และท่อที่ยิงหัวจรวดออกไปแล้ว เพื่อสืบสวนแกะรอยหาแหล่งผลิต และกลุ่มบุคคลที่ประกอบจรวดแสวงเครื่องชุดนี้ ซึ่งคาดว่าจะหาตัวได้ไม่ยาก เนื่องจากหลักฐานที่เหลืออยู่ค่อนข้างสมบูรณ์
มั่นใจฝีมือ “พูโล” หลักฐานเชื้อปะทุชี้ชัด
อย่างไรก็ดี แม้ตัวจรวดจะมีความสมบูรณ์ สามารถระเบิดได้จริง แต่ก็เป็นเพียงในทางเทคนิคเท่านั้น เพราะการที่จรวดจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อยู่ที่องศาการตกกระทบพื้นผิว ซึ่งมีอีกหลายองค์ประกอบ จึงยังไม่ชัดเจนว่าจรวดแสวงเครื่องที่คนร้ายใช้ มีศักยภาพและความแม่นยำเพียงพอในการทำลายเป้าหมาย
ส่วนองค์ประกอบของตัวจรวด ชัดเจนว่าเป็นของกลุ่มพูโลตามที่ทางกลุ่มออกมาแสดงความรับผิดชอบ เพราะใช้เชื้อปะทุแบบเดียวกับที่เคยพบในวัตถุระเบิดแสวงเครื่องที่กลุ่มพูโลใช้ก่อเหตุ โดยเชื้อปะทุแบบนี้ไม่พบมานานแล้วในพื้นที่ เพิ่งเจอใช้กับจรวดแสวงเครื่องชุดนี้ และเป็นเชื้อปะทุที่ใช้เฉพาะระเบิดของกลุ่มพูโลเท่านั้น
ทหารโต้แค่ระเบิดธรรมดาไม่ใช่จรวด
พันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า พลโทวิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้หน่วยอีโอดีเร่งตรวจสอบวัตถุระเบิดที่มีการพบตามข่าวแล้ว และได้รายงานให้ พลเอกธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบกทราบแล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่จรวด เป็นเพียงระเบิดแสวงเครื่องที่ผู้ก่อความไม่สงบพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบ เหมือนกับระเบิดแสวงเครื่องที่ใช้ทั่วไป ซึ่งผู้ก่อเหตุมักจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบตลอดเวลา โดยเมื่อก่อนใช้ถังแก๊สและท่อต่างๆ
ส่วนที่มีการระบุว่าเป็นความพยายามพัฒนาศักยภาพเพื่อใช้ในการทำลายเป้าหมายระยะไกลนั้น ประเด็นนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ เพราะถ้าหากต้องการพุ่งเป้าทำลายระยะไกล จะต้องมีเครื่องยิงจรวดด้วย
“อักษรา”ปรามช่วงพูดคุยควรหยุดแสดงศักยภาพ
ขณะที่ พลเอกอักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวผ่านแถลงการณ์รายงานความคืบหน้ากระบวนการพูดคุยฯก่อนหน้านี้ว่า ตามที่พบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องคล้ายจรวดในพื้นที่อำเภอหนองจิก จัหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมานั้น ในส่วนรายละเอียดทางเทคนิคเกี่ยวกับวัตถุระเบิดที่ตรวจพบ จำเป็นต้องรอการยืนยันจากหน่วยพิสูจน์หลักฐานในพื้นที่ให้แน่ชัดก่อนที่จะให้ความเห็นใดๆ เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีนำไปบิดเบือนใช้ประโยชน์ได้ ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ทุกฝ่ายต้องให้ความระมัดระวัง
นอกจากนี้ ในทัศนะสากลของการดำเนินกระบวนการพูดคุยฯนั้น ทุกฝ่ายจำเป็นต้องมีความจริงใจก้าวข้ามอดีตบางช่วงบางตอนที่ผ่านมา รวมตลอดถึงการก้าวข้ามความพยายามแสดงศักยภาพของแต่ละกลุ่มในห้วงการพูดคุยด้วย เพื่อร่วมกันมุ่งแสวงหาทางออกโดยสันติวิธีสู่อนาคตที่ดีกว่า
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : จรวดแสวงเครื่องที่พบใหม่ที่ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส