ปภ.เตือน9จว.ภาคใต้รับมือวาตภัย ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง
4 ก.พ.59 นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากการติดตามสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่า ในช่วงวันที่ 5 - 9 ก.พ.นี้ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทย และภาคใต้ มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่ตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลงไป มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ คลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง ทะเลมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร อาจส่งผลให้เกิดคลื่นซัดชายฝั่งรุนแรงในบางพื้นที่ได้ ปภ.จึงได้ประสาน 9 จังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันออก ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวมถึง ปภ.เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ เขต 11 สุราษฎร์ธานี เขต 12 สงขลา และ ปภ.จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือวาตภัย ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง
โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง จัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยง ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งทะเล และพื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัดเตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตรายจากภัยธรรมชาติ ในระยะ 3 - 4 วันนี้ พร้อมตรวจสอบความปลอดภัยของสถานที่ท่องเที่ยวริมชายฝั่งทะเล หากเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวไม่ลงเล่นน้ำ และงดประกอบกิจกรรมทางน้ำ อีกทั้งตรวจสอบสิ่งก่อสร้างและป้ายโฆษณาให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ตัดแต่งกิ่งไม้บริเวณริมถนน และพื้นที่ชุมชน เพื่อป้องกันการล้มทับ ก่อให้เกิดอันตรายได้ กรณีสถานการณ์รุนแรงให้ดำเนินการตามขั้นตอนของแผนการ ปภ.จังหวัด เพื่อประสานให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที
สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด ในช่วงที่เกิดพายุลมแรงห้ามหลบบริเวณใต้ต้นไม้ ป้ายโฆษณา หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากทะเลมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 5 - 9 ก.พ.ที่สำคัญผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางน้ำควรตรวจสอบสภาพอากาศ และรับฟังประกาศเตือนภัยจากภาครัฐอย่างใกล้ชิด กรณีเกิดคลื่นลมแรงให้พิจารณางดหรือเลื่อนการเดินเรือ รวมถึงการประกอบกิจกรรมทางน้ำในช่วงดังกล่าว
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย ฝนตกหนักและคลื่นลมแรงสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป 0-2243-0674 , 0-2243-2200 หรือwww.disaster.go.th
ขอบคุณข่าวจาก