บิ๊กต๊อก เตรียมถามอธิบดี DSI แจงสอบรถหรู สมเด็จช่วง ล่าช้า
18 ม.ค.59 ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เดินทางมายื่นหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้เร่งรัดการตรวจสอบคดีรถหรู สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ว่า เป็นการยื่นหนังสือทั่วไป และทางดีเอสไอก็รับไปพิจารณา ส่วนขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ว่ากันไปตามกระบวนการ ส่วนการที่เรื่องนี้เป็นที่สนใจของประชาชน เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน ทั้งของรัฐบาล และบ้านเมืองเราด้วย จึงได้ยื่นหนังสือถามความคืบหน้าในคดีนี้ขึ้นมา
"เรื่องรถยนต์หรูเริ่มมีปัญหาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2556 ผ่านมา 3 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นก็คงไม่ต้องไปเร่งรัดอะไร เพราะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ทำตามหน้าที่อยู่แล้ว ผมก็ไม่ได้ลงไปดูรายละเอียด เพิ่งมารู้ก็ในช่วงหลังที่เป็นข่าว ว่ามันมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงอะไร เพราะรายละเอียดมันเยอะมากหลายร้อยคัน ทั้งนี้ ผมยังไม่ได้คุยกับอธิบดีดีเอสไอเท่าไรนัก" รมว.ยุติธรรม กล่าว
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจสอบในคดีรถยนต์หรูทางดีเอสไอได้มีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มรถยนต์ที่มีมูลค่า 4 ล้านบาทขึ้นไป และกลุ่มรถยนต์ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งตนก็สงสัยว่าทำไมต้องแบ่งกลุ่ม เพราะการนำรถเข้ามาไม่ว่าจะกี่ล้านบาท ถ้าไม่ถูกต้องก็ผิดกฎหมายทั้งหมด แต่ยังไม่ได้ถามอธิบดีดีเอสไอว่าทำไมจึงต้องแยกกลุ่ม ซึ่งที่จริงแล้วมันควรจะทำทั้งระบบให้ถูกต้อง ทั้งนี้ ขอเรียนว่าตนยังไม่ได้ลงไปดูในรายละเอียด ซึ่งก็ต้องให้ นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ลงไปดูแล เพราะตนไม่อยากเข้าไปยุ่มย่ามการทำงานของระดับกรม
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการต้องเร่งรัดหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ไม่มีใครมาเร่งรัดได้หรอก ทั้งนี้ ตนไม่เข้าใจคำว่าเร่งรัดของคนที่มายื่นหนังสือคืออะไร ถ้าเร่งรัดให้ทำเฉพาะกรณีที่เป็นประเด็นอยู่ และคดีอื่นจะไม่ต้องหรืออย่างไร เพราะฉะนั้นก็ต้องทำไปตามปกติ แต่หากล่าช้าไปเกินกว่าที่เป็น เรื่องนี้ดีเอสไอก็ต้องตอบคำถามต่อสังคมให้ได้ เพราะหลายคดีก่อนที่ตนจะเข้ามาดำรงตำแหน่งก็มีหลายคดีที่ยังไม่ได้ทำ ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน จึงให้แนวปฏิบัติไป แต่ถ้าจะเดินมาให้ทำคดีที่มาร้องเรียนนว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ดังนั้น ก็อยากให้ตามระบบไป และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ต้องว่าไปพยานหลักฐาน อย่างเอาเรื่องนี้ไปเชื่อมโยงและเป็นประเด็น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผ่านไป 3 ปีแล้ว หากเป็นบรรทัดฐานถือว่ามีความล่าช้าเกินไปหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ต้องเห็นใจ ตนไม่รู้ว่ามีรถที่ต้องตรวจสอบมีกี่คัน ขั้นตอนตรวจสอบเป็นอย่างไร การนำเข้าเชื่อมโยงกับหน่วยงานไหนหรือใครบ้าง ทั้งนี้ ตนก็สงสัยว่าทำไมถึงตรวจมา 3 ปีแล้ว รถยนต์กี่คัน ซึ่งต้องพูดคุยกับอธิบดีดีเอสไอก่อนว่ามันเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร.
ขอบคุณข่าวจาก