กว่าจะถึงวันนี้ ‘แตงโมไร้เมล็ด แฮปปี้เฟรช’ สร้างรายได้หลักล้าน
ใช้ความพยายามกว่า 20 ปี ทำให้วันนี้ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกแตงโม ศรีสงคราม จ.นครพนม ที่มี ‘เตือนใจ บุพศิริ’ เป็นประธาน ประสบความสำเร็จในฐานะเกษตรกรผู้ปลูกแตงโม สร้างรายได้ปีละหลายล้านบาท โดยปัจจุบันมีสมาชิก 420 ครัวเรือน มีผลผลิตเก็บเกี่ยว 2.5-6 แสน กก./สัปดาห์ และ 5.5-6 ล้าน กก./ปี บนพื้นที่ปลูก 3,000 ไร่ ใน 4 จังหวัด ได้แก่ นครพนม มหาสารคาม ขอนแก่น และราชบุรี
โดยสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ ‘แฮปปี้เฟรช แตงโมไร้เมล็ด’ ซึ่งมีต้นกำเนิดจากสหรัฐฯ ก่อนจะถูกนำมาปรับปรุงกับแตงโมสายพันธุ์เขตร้อน โดยวิธีการธรรมชาติ ปลูกตามหลักการจัดการคุณภาพ GAP โดยใช้ระบบน้ำหยดทุกแปลง ที่สำคัญ ผสมเกสรด้วยมือทุกผล และจะคัดเลือกผลดีที่สุดไม่เกิน 2 ผล/ต้น ความหวานตอนเก็บเกี่ยวไม่ต่ำกว่า 10% บริกซ์
เตือนใจ บอกว่า แตงโมแฮปปี้เฟรช No GMO โดยได้ทดลองปลูกเมื่อ 20 ปีก่อน หลังจากได้รับแนวคิดจากการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งมีแตงโมไร้เมล็ด จึงอยากให้คนไทยได้ลิ้มลองบ้าง แต่การจำหน่ายในตลาดค่อนข้างประสบปัญหา เพราะลูกค้ามองว่า มีราคาสูง ไม่มีใครกินแตงโมลูกละหลายสิบบาท
(GROWTHING PLAN 2016)
เธอจึงต้องสร้างตลาดเอง โดยนำไปวางในซุปเปอร์มาเก็ต เจาะกลุ่มคนชั้นกลางขึ้นไป อีกทั้งกระจายสินค้าผ่าน station ภายใต้บริษัท Fresh and Tasty Station ทั้ง 10 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ 1.บ้านไผ่– ขอนแก่น 2. บ้านทุ่ม – ขอนแก่น 3. บ้านฝาง - ขอนแก่น 4. กม1 – หนองคาย 5. เสลภูมิ– ร้อยเอ็ด 6. ปากช่อง – นครราชสีมา 7. ปักธงชัย – นครราชสีมา 8. บ้านฉาง – ระยอง 9. เชียงใหม่89พลาซ่า – เชียงใหม่ 10. กาดจาวเหนือ ดอยติ– ลำพูน
“ภาคใต้ จะไม่มี station กระจายผลผลิต เนื่องจากระยะทางในการขนส่งนั้นเป็นสิ่งสำคัญ โดยต้องขนส่งแตงโมถึง station ก่อน 5 โมงเย็น ฉะนั้นการเดินทางที่ยาวนานอาจทำให้ความสดใหม่ลดลงไปได้ ทั้งนี้ ในปี 2559 ยังมีแผนเปิดอีกทั้งหมด 22 แห่ง”
ร้านโมเดลต้นแบบอย่าง @บ้านไผ่ เป็น station ทดลองว่าตัวสินค้าแบบไหนที่คนต้องการ การตอบรับของผู้บริโภคมากน้อยอย่างไร รวมถึงยังทดลองวางระบบให้ชัดเจนขึ้น เตือนใจ บอกว่า ทุกแห่งจะมีห้องเก็บสินค้าควบคุมอุณหภูมิอย่างเคร่งครัด ประมาณ 23 องศาเซลเซียส โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นขาจร กลุ่มนักท่องเที่ยว
(เตือนใจ บุพศิริ)
มียอดขายในแต่ละวันสูง ตั้งแต่ 15,000 -40,000 บาท/วัน เฉลี่ยจะมีกำไรอยู่ประมาณ 40% โดยยังไม่หักค่าใช้จ่าย ถ้าหักค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 20-25% โดยสินค้าจะหมดภายใน 1 สัปดาห์
ส่วนรายได้ในช่วงธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ได้รับประมาณ 7 แสนบาท/เดือน หรือประมาณ 25,000 /วัน
และกว่าจะถึงวันนี้ที่เกษตรกรทุกคนมีรายได้จากการปลูกแตงโมภายใต้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เธอยอมรับว่า ระยะแรกเกษตรกรมีทัศนคติไม่ดี แต่ด้วยความมุมานะที่ต้องการให้ทุกคนมีความมั่นคง จึงแสดงให้เห็นการยึดอาชีพนี้สามารถสร้างรายได้เพียงพอได้ จึงทำให้พวกเขาเปิดใจรับเราเข้าไปมีบทบาทในชีวิต นำไปสู่การปรับตัว และให้คำแนะนำ
“พี่มองว่า การรับผิดชอบต่อชีวิตมีความสำคัญมาก ทำอย่างไรให้ชีวิตที่ฝากชีวิตไว้กับเราดีขึ้น นี่คือสิ่งสำคัญที่พี่อยู่กับเกษตรกร ถ้ารักเขาเหมือนครอบครัว ทุกอย่างก็จบ”
(เกษตรกรกำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตเเตงโม)
ทั้งนี้ เตือนใจจะให้สมาชิกแต่ละครอบครัวมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาท/เดือน ปลูกแตงโม 3 เดือน จำนวน 2 คน ต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท ซึ่งเป็นรายได้พอจะเลี้ยงตัวเองได้ สิ่งนี้คือมาตรฐานตัวชี้วัดที่สำคัญ เพื่อจะทำให้สามารถปรับแนวคิดให้เกษตรกรคำนึงถึงความปลอดภัยผู้บริโภค เพราะผู้บริโภคคือผู้สร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้ ฉะนั้นการเพิ่มเติมความรู้จึงต้องทำควบคู่ด้วย
“เมื่อเกษตรกรปลูกแตงโมตามที่พี่แนะนำ แล้วมีรายได้เลี้ยงครอบครัวได้ ก็จะเกิดความภาคภูมิใจเหมือนอาชีพอื่น ทุกอย่างก็จบแล้ว”
นอกจากนี้เธอยังกล่าวด้วยใบหน้าแจ่มใสว่า จะต้องมีการต่อยอดความคิดอยู่เสมอ โดยทำอย่างไรให้คนหันมาบริโภคแตงโมไร้เมล็ด หรือจะทำอย่างไรให้ขายได้ในตลาดอื่นทั่วประเทศมากขึ้น จะเน้นไปที่ความเก่งอย่างเดียวคงไม่ได้ แต่ต้องบวกกับความสามารถที่มี จนสร้างรายได้ให้กับอาชีพที่ทำจนเทียบเท่าได้กับอาชีพอื่น ๆ
“คุณต้องเป็นต้นแบบที่ทุกคนสัมผัสได้ คุณต้องบอกวิธีการของคุณให้ได้ว่าทำอย่างไรถึงประสบความสำเร็จ” เตือนใจ ทิ้งท้ายเคล็ด (ไม่) ลับ
(เเตงโมไร้เมล็ดในเเปลงปลูก)
ด้าน ‘สำเร็จ จำรักษา’ เกษตรกรผู้ปลูกแตงโม วัย 35 ปี ชาวนครพนม เล่าถึงที่มาว่า เดิมเป็นลูกจ้างของเตือนใจ บุพศิริ ก่อนจะผันตัวเองมาปลูกแตงโมได้ 5-6 ปี จำหน่ายได้กิโลกรัมละ 8-9 บาท ถือว่าเป็นราคาที่สูงกว่าท้องตลาดทั่วไปอยู่มาก ถ้าแตงโมลูกไหนตกเกรด ไม่ผ่านมาตรฐานตรงกับที่ผู้รับซื้อต้องการ เราก็สามารถนำผลผลิตไปขายต่อตามท้องตลาดได้ โดยที่ไม่ต้องมีส่วนแบ่งหรือคละเงินกับใคร
“ปัจจุบันเช่าที่ดินปลูกแตงโมทั้งหมด 16 ไร่ ไร่ละ 500 บาท ปีหนึ่งปลูกได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เดือน หลังจากว่างเว้นจากการทำนา มีรายได้หลังจากหักต้นทุนแล้ว ครั้งละกว่า 1 แสนบาท เฉลี่ย 3 หมื่นบาท/เดือน ถือเป็นรายได้พออยู่พอกิน” เขากล่าว
การสนับสนุนจากภาครัฐมีบทบาทสำคัญ ‘กนก ศรีวิชัยนันท์’ นายอำเภอศรีสงคราม จ.นครพนม พูดถึงแผนการพัฒนาในอนาคต ว่าพร้อมที่จะเร่งผลักดันแตงโมไร้เมล็ดให้ขึ้นเป็นพืช GI ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ พ.ศ. 2546 ซึ่งจะเป็นการร่วมมือกันระหว่างรัฐกับฐานผู้ผลิต เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับรองคุณภาพสินค้าที่นำมาซึ่งมูลค่าระยะยาว การคุ้มครองความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค และการยกระดับสินค้าให้อยู่ในชั้นมาตรฐาน
(นายกนก ศรีวิชัยนันท์ นายอำเภอศรีสงคราม จ.นครพนม)
ส่วนวิกฤติภัยแล้งในพื้นที่ นายอำเภอยืนยันว่า ได้เตรียมแผนการรับมือเป็นอย่างดี โดยมีการเสนอขุดบ่อและขุดลอกหนองน้ำ 10 จุด ภายใต้งบประมาณของ จ.นครพนม 17 ล้านบาท ในพื้นที่ของกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกแตงโมไร้เมล็ด ในส่วนนี้จะช่วยให้เกษตรกรสามารถปลูกแตงโมในรอบที่สองได้อย่างไร้ผลกระทบ นอกจากนี้ยังมีงบประมาณในช่วงภัยแล้งของผู้ว่าราชการจังหวัด อีก 10 ล้าน เพื่อเตรียมแผนทำคลองไส้ไก่ ผ่านจุดที่ชาวบ้านปลูก ถือเป็นการแก้ไขปัญหาได้ระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ แตงโมไร้เมล็ดลูกใหญ่ รสชาติหวาน เนื้อสีชมพู 'มานะ บุญระมี' เกษตรจังหวัดนครพนม ยอมรับว่า แตงโมที่ศรีสงครามมีการใช้สารเคมีอยู่บ้าง แต่จะใช้ในช่วงมีศัตรูพืชรุกราน พูดกันอย่างตามตรงว่า เราไม่สามารถรับมือก่อนได้ แต่จะต้องหาวิธีการป้องกันก่อนที่จะเกิดความเสียหาย
อย่างไรก็ตาม สารเคมีจะใช้อยู่ในปริมาณที่พอดีตามที่ทางการกำหนดไว้ ซึ่งจะสลายไปตามระยะเวลา อย่าคิดมาก ว่าแตงโมที่ศรีสงครามจะโตด้วยสารเคมีตามที่มีการร่ำลือ บางครั้งเรื่องราวเหล่านี้ก็ไม่เป็นความจริง ตราบใดที่รู้จักควบคุมปริมาณไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป แตงโมก็จะไม่ใช่สารพิษที่เป็นตัวบ่อนทำลายชีวิตตามที่ได้คุ้นชินกัน
...ท้ายที่สุด พวกเขาต่างเชื่อว่า อนาคตความต้องการบริโภคแตงโมในเมืองไทยจะเปลี่ยน โดยจะเกิดการปฏิเสธสายพันธุ์ดั้งเดิม และแทนที่ด้วย ‘แฮปปี้เฟรช แตงโมไร้เมล็ด’ ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น สร้างรายได้แก่เกษตรกรเป็นกอบเป็นกำ .
(@Station บ้านไผ่ จ.ขอนเเก่น)