หน่วยข่าวไทยชี้โจมตีจาการ์ตาโยงไอเอส
แม้ข่าวจะยังไม่ชัดเจนว่ากลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส ประกาศแสดงความรับผิดชอบว่าเป็นผู้ปฏิบัติก่อเหตุรุนแรงกลางกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียจริงหรือไม่ แต่หน่วยงานความมั่นคงไทยก็ได้ประเมินเบื้องต้นแล้วว่าน่าจะมีความเชื่อมโยงกับไอเอส หรือผู้ที่เลื่อมใสในอุดมการณ์ของกลุ่มรัฐอิสลามค่อนข้างแน่
เหตุรุนแรงในพื้นที่ใจกลางเมืองหลวงของอินโดนีเซีย เกิดขึ้นช่วงก่อนเที่ยง วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม 2559 ตามเวลาในประเทศไทย โดยเกิดระเบิดขึ้น 6 ครั้งและยิงปะทะกันกลางกรุงจาการ์ตา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 4 คน และคาดว่าเหตุระเบิดอย่างน้อยหนึ่งครั้งน่าจะเป็นระเบิดพลีชีพ
กระทรวงความมั่นคงของอินโดนีเซีย สรุปเบื้องต้นว่า มีผู้เสียชีวิต 7 คน เป็นผู้ก่อเหตุ 5 คน พลเรือน 2 คน หนึ่งในนั้นเป็นพลเมืองเนเธอร์แลนด์
ส่วนผู้บาดเจ็บมี 10 คน เป็นตำรวจ 5 นาย ชาวต่างชาติ 1 คน และชาวอินโดนีเซีย 4 คน
ระเบิดลูกหนึ่งเกิดขึ้นที่หน้าร้านสตาร์บัคส์ ร้านกาแฟชื่อดังซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับห้ามสรรพสินค้าซารีนาห์มอลล์ บนถนนสายหลักกลางกรุงจาการ์ตา แรงระเบิดทำให้ป้อมตำรวจหน้าห้างพังเสียหาย อาคารสำนักงานสหประชาชาติที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงปิดทำการ ไม่อนุญาตให้ใครเข้าออก ส่วนอาคารอื่นๆ ในแถบนั้นต้องสั่งอพยพผู้คน
เหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในกรุงจาการ์ตาครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากอินโดนีเซียค่อนข้างสงบมา 6 ปี หลายฝ่ายคาดว่าเหตุรุนแรงดังกล่าวเปด็นผลพวงมาจากการที่รัฐบาลเร่งปราบปรามเครือข่ายรัฐอิสลามที่ขยายตัวอย่างมากในประเทศ
ฝ่ายความมั่นคงไทยคาดฝีมือเซลล์ไอเอส
แหล่งข่าวระดับสูงจากหน่วยงานความมั่นคงไทย ระบุว่า เหตุระเบิดกลางกรุงจาการ์ตา น่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส หรือหากไม่ใช่ แต่อย่างน้อยก็ต้องเกี่ยวข้องกับอุดมการณ์ไอเอส เพราะก่อนหน้านี้กลุ่มเคลื่อนไหวติดอาวุธในประเทศอินโดนีเซียเคยประกาศสวามิภักดิ์กลุ่มไอเอสมาแล้ว
อินโดนีเซียมีกลุ่มติดอาวุธที่มีเป้าหมายตั้งรัฐอิสลามบริสุทธิ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ กลุ่มเจไอ หรือ เจมาห์ อิสลามิยาห์ แนวคิดนี้แพร่ขยายไปในมาเลเซียและทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ซึ่งมีกลุ่มมุสลิมติดอาวุธด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มอาบูไซยาฟ
กลุ่มเหล่านี้ต่อสู้มาหลายปี และถูกปราบปรามอย่างหนักจนเกือบหมดเขี้ยวเล็บ โดยเฉพาะในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ทว่าเมื่อมีการก่อกำเนิดกลุ่มไอเอสที่อิรักและซีเรีย แนวคิดการตั้งรัฐอิสลามบริสุทธิ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยพื้นที่เป้าหมายประกอบด้วยดินแดนส่วนใหญ่ของอินโดนีเซีย มาเลเซีย และทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ คล้ายๆ กับที่ไอเอสกำลังต่อสู้ในตะวันออกกลางเพื่อยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของซีเรียและบางส่วนของอิรัก
15 พฤศจิกายน ปรากฏข่าวในเว็บไซต์ เดอะ สเตรทไทม์ ของสิงคโปร์ รายงานว่ากลุ่มนักรบที่เลื่อมใสแนวทางของไอเอสในฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย กำลังจัดตั้งสาขา หรือ faction ของไอเอสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้พื้นที่ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์เป็นฐาน
เมื่อเร็วๆ นี้ นักเรียนชายวัย 16 ปี ได้ปฏิบัติการ “ลูกหมาป่าโดดเดี่ยว” (Lone Cub) เพื่อประกาศศักดากลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสบนแผ่นดินมาเลเซียเป็นครั้งแรก โดยพยายามลักพาตัวพนักงานขายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งอย่างอุกอาจ เหตุเกิดที่เขตเปอกันบารู เมืองสุไหงปัตตานี รัฐเคดาห์
ขณะเดียวกันก็มีการออกมายอมรับจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมาเลเซียว่า มือระเบิดพลีชีพกลุ่มไอเอส 2 คนที่เสียชีวิตจากเหตุโจมตีในซีเรียและอิรัก เป็นพลเมืองของมาเลเซีย
ฉะนั้นเหตุระเบิดกลางกรุงจาการ์ต้า แม้อาจไม่ใช่ฝีมือของกลุ่มไอเอสที่เคลื่อนไหวสู้รบอยู่ในดินแดนของซีเรียและอิรักในปัจจุบัน แต่ก็อาจเป็นปฏิบัติการของกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงที่เห็นด้วยกับอุดมการณ์ไอเอส และจัดตั้งสาขาของไอเอสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายเสข วรรณเมธี โฆษกกระทรวงต่างประเทศ เปิดเผยว่าได้รายงานสถานการณ์ที่กรุงจาการ์ตาให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว โดยในกรุงจาการ์ตามีคนไทยอาศัยอยู่ราว 300 คน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ พื้นที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับเป็นศูนย์ราชการหลายแห่ง รวมทั้งสำนักงานเลขาธิการอาเซียนด้วย
ความเคลื่อนไหวไอเอสในมาเลย์
หลังจากมีรายงานข่าวว่ามือระเบิดพลีชีพกลุ่มรัฐอิสลาม ซึ่งเป็นชายชาวมาเลเซียสองคน เสียชีวิตจากเหตุโจมตีในซีเรียและอิรักเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้เกิดความกังวลกันมากขึ้นว่าขณะนี้มีชาวมาเลเซียต้องการสละชีวิตตนเองให้กับกลุ่มไอเอสมากขึ้น
ผู้บังคับการตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายมาเลเซีย นายอายุบ ข่าน ไมดิน พิทเชย์ ยืนยันรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์นิว สเตรทส์ ไทม์สของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่ระบุว่า นายโมฮัมหมัด อามีรุล อาหมัด ราฮิม ได้จุดระเบิดที่ผูกติดกับตัวขณะนั่งอยู่ในรถยนต์ระหว่างการสู้รบในเมืองรักกาของซีเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่ยึดครองของไอเอส เมื่อวันที่ 29 ธันวาคมปีที่แล้ว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 21 คน
ส่วน นายโมฮัมหมัด ไซอัสวัน โมฮัมหมัด ซาลิม เป็น 1 ใน 7 มือระเบิดพลีชีพที่สังหารตำรวจ 12 นายในเมืองทิกริตของอิรัก เมื่อวันที่ 3 มกราคม โดยนายโมฮัมหมัด ไซอัสวัน เดินทางออกจากมาเลเซียเมื่อเดือนกันยายน 2557 พร้อมด้วยน้องชาย นายมูฮัมหมัด ชาซานี โมฮัมหมัด ซาลิม วัย 28 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากการพลีชีพเมื่อวันที่ 18 กันยายนปีก่อนในเมืองเบย์จี ประเทศอิรัก
การเสียชีวิตของชายทั้งสองทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตชาวมาเลเซียที่เกี่ยวข้องกับไอเอสในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มเป็น 17 คน ในจำนวนนี้เป็นมือระเบิดพลีชีพ 4 คน โดย นายโมฮัมหมัด อามีรุล และ นายโมฮัมหมัด ไซอัสวัน เป็นกลุ่มคนที่ถูกไอเอสฝึกฝนให้เป็นมือระเบิดพลีชีพโดยเฉพาะ ขณะนี้จึงเกิดความกังวลกันมากในมาเลเซียว่า มีชาวมาเลเซียต้องการเข้าไปเป็นมือระเบิดพลีชีพมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง นายอายุบ ข่าน ระบุว่า ชาวมาเลเซียส่วนใหญ่ที่อยู่ในซีเรียขณะนี้ต้องการสละชีวิตเพื่อความเชื่อทางศาสนาในปฏิบัติการพลีชีพ
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มาเลเซียพยายามลดจำนวนคนที่ไปร่วมรบกับไอเอส มีการระดมจับกุมได้ถึง 150 คน แต่เชื่อว่ามีชาวมาเลเซียประมาณ 100 คนหลุดรอดและเดินทางไปซีเรียได้
ส่วนความกังวลว่าจะเกิดการก่อเหตุในประเทศมีมากขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เมื่อมีบันทึกภายในของตำรวจหลุดออกมาว่า มือระเบิดพลีชีพ 18 คนลอยนวลอยู่ในมาเลเซีย
ด้านรัฐบาลมาเลเซียประเมินว่า มีชาวมาเลเซียที่เป็นผู้เห็นใจไอเอสประมาณ 50,000 คน ขณะที่ศูนย์วิจัยพิวรายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่า ชาวมุสลิมในมาเลเซีย 12% เห็นด้วยที่ไอเอสยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในซีเรียกับอิรักไว้ได้
นอกจากนั้นยังมีเหตุการณ์ที่น่าจับตาอย่างยิ่ง คือ นักเรียนชายวัย 16 ปี ปฏิบัติการ “ลูกหมาป่าโดดเดี่ยว” (Lone Cub) เพื่อประกาศศักดากลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส บนแผ่นดินมาเลเซียเป็นครั้งแรก
เมื่อวันอังคารที่ 12 มกราคม นักเรียนชายคนดังกล่าวสวมหมวกคลุมศีรษะ มีสัญลักษณ์ไอเอส พกมีดขนาด 27 เซนติเมตรและปืนปลอม จี้ตัวพนักงานหญิงวัย 27 ปี หลังเขาดูทางหนีทีไล่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเขตเปอกันบารู เมืองสุไหงปัตตานี รัฐเคดาห์ มาเป็นเวลา 2 วัน
แหล่งข่าวในหน่วยข่าวกรองหลายรายเปิดเผยว่า วัยรุ่นรายนี้เป็นนักเรียนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา เขาตั้งใจเอามีดจี้เธอและลักพาตัวไป เพื่อแสดงให้เห็นว่ากลุ่มไอเอสมีตัวตนจริงๆ ในมาเลเซีย และเขาก็ไม่ได้พยายามหลบหนีเมื่อตำรวจเข้ามาถึงที่เกิดเหตุ ท้ายที่สุดตำรวจได้จับกุมตัวเขาไปที่กองบังคับการตำรวจอำเภอกัวลามูดา
แหล่งข่าวอีกรายหนึ่งกล่าวว่า ทางการมาเลเซียได้ข้อมูลว่า เขาได้รับอิทธิพลจากกลุ่มไอเอสมาตั้งแต่กลางปี 2556 และมองว่าคนที่ไม่ใช่มุสลิมสมควรถูกฆ่า แหล่งข่าวรายเดิมเตือนด้วยว่า การก่อเหตุของวัยรุ่นชายคนนี้แม้ไม่มีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ก็ส่งสัญญาณว่าสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น ผู้ต้องสงสัย (นักเรียนชายที่ก่อเหตุ) ต้องการพิสูจน์ว่า การที่ตำรวจเตรียมการและเฝ้าระวังเหตุมานาน สุดท้ายก็เกิดขึ้นจนได้ การโจมตีของหมาป่าโดดเดี่ยว (Lone Wolf) อาจเกิดขึ้นที่ใดเวลาใดก็ได้ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือต้องมีการเตรียมการด้วยข้อมูลข่าวกรองที่เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา
ด้านจเรตำรวจมาเลเซีย นายคาลิด อาบู บาการ์ แถลงว่า เด็กชายวัย 16 ปีคนนี้ถูกจับกุมด้วยมาตรการพิเศษตามกฎหมายรักษาความมั่นคง เขาถูกล้างสมองผ่านอีเมล์และโซเชียลมีเดียให้เลื่อมใสอุดมการณ์ไอเอส จนต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถปฏิบัติการโจมตีเพียงลำพังได้ ผลการสอบสวนระบุว่าวัยรุ่นคนนี้ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเหยื่อ แค่ต้องการอวดว่าเขาเป็นสมาชิกไอเอส และทำตามที่ไอเอสสั่งได้
นอกจากนี้ตำรวจยังพบวัตถุหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับไอเอสในเป้ของเขา ทั้งหนังสือ กระดาษเขียนด้วยลายมือ เชือกสองเส้น หมวกแก็ป หมวกคลุมศีรษะ และข่าวหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับไอเอสสองชิ้น
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ :
1 ภาพเหตุระเบิดกลางกรุงจาการ์ตา จากคลิปวีดีโอที่โพสต์บนทวิตเตอร์ของ Jonathan G. Vit (@JonathanGVit) นักหนังสือพิมพ์อิสระที่ปฏิบัติงานอยู่ในอินโดนีเซีย
2 ข่าวความเคลื่อนไหวไอเอสในมาเลเซีย แปลโดยทีมข่าวต่างประเทศ สถานีโทรทัศน์ NOW26