กรธ. เห็นชอบเพิ่มอำนาจเซ็นเซอร์สื่อ 'ชวรงค์' ติงยิ่งปิดความขัดแย้งยิ่งเพิ่ม
ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ติง กรธ. เพิ่มอำนาจรัฐเซ็นเซอร์สื่อ ชี้เป็นสิ่งเกินเลย ย้ำ ที่ผ่านมาสื่อให้ความมือกับรัฐอย่างดีมาตลอด
นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ (Chavarong Limpattamapanee, Chairman of the National Press Council of Thailand-NPCT) กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เห็นชอบให้เพิ่มเงื่อนไขการเซ็นเซอร์ข่าวในภาวะที่บ้านเมืองไม่ปรกติตามมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นมีอำนาจเซ็นเซอร์ข่าวได้เมื่อมีการประกาศ พรก.ฉุกเฉิน หรือมีการใช้กฎอัยการศึก เพิ่มเติมจากเดิมระบุไว้ว่าเป็นกรณีที่มีภาวะสงครามว่า เป็นสิ่งที่เกินเลยจากที่องค์กรวิชาชีพ สื่อมวลชนได้เคยเสนอความเห็นไปยัง กรธ.ซึ่งทางเราเสนอให้ยึดเนื้อหาในรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 เป็นหลัก เพราะแม้จะมีบทบัญญัติที่เป็นการจำกัดเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอยู่บ้าง แต่ก็อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ดังนั้นการที่ กรธ.จะเพิ่มบทบัญญัติในส่วนนี้ขึ้นมา ย่อมกระทบต่อเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอย่างแน่นอน
“ในภาวะที่บ้านเมืองไม่ปรกติ สื่อมวลชนก็ให้ความร่วมมือกับบ้านเมืองอยู่แล้ว และหากพบว่าสื่อมวลชนใด กระทำการละเมิดกฎหมาย ภาครัฐก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้อยู่แล้ว เช่น อำนาจในการห้ามนำเสนอข่าวข่าวและแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วน ก็สามารถทำได้อยู่แล้วตาม พรก.ฉุกเฉินที่มีอยู่ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเพิ่มอำนาจการเซ็นเซอร์สื่อเข้าไปแต่อย่างใด” นายชวรงค์กล่าว
ประธานสภาการหนังสือพิมพ์ฯ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่มองว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนในอดีตมาจากการใช้สื่อเพื่อยุยงปลุกปั่น โดยที่องค์กรสื่อมวลชนเองไม่สามารถควบคุมกันเองได้ ไม่ได้นั้น เป็นคนละประเด็นกับความพยายามที่จะให้อำนาจรัฐเข้ามาเซ็นเซอร์สื่อในสถานการณ์อื่นที่ไม่ใช่ในภาวะสงคราม เพราะการควบคุมกันเองของสื่อมวลชนในประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งใช้มาตรการทางสังคมในการลงโทษเมื่อมีการละเมิดจริยธรรม ส่วนการกระทำใดที่เป็นการละเมิดกฎหมายก็สามารถใช้กฎหมายที่มีอยู่ดำเนินการกับสื่อที่กระทำผิดกฎหมายได้อยู่แล้ว
“การให้อำนาจที่มากเกินไปแก่รัฐบาลผ่าน พรก.ฉุกเฉิน ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการทำหน้าที่โดยปราศจากการแทรกแซงของสื่อมวลชน เพราะยิ่งมีการแทรกแซงหรือปิดกั้นการนำเสนอข่าวสาร ยิ่งจะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น” ประธานสภาการหนังสือพิมพ์ฯ กล่าว
ภาพประกอบจากhttp://www.chaoprayanews.com/