เปิดตัว 8 กก.มูลนิธิราชภักดิ์ฯใหม่-เขี่ย‘เสธ.โต’พ้นเก้าอี้ป้องเสื่อมเสีย?

เขียนวันที่

วันจันทร์ ที่ 04 มกราคม 2559 เวลา 18:06 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

เปิดตัว มูลนิธิราชภักดิ์ฯใหม่ ‘ที่ปรึกษา‘บิ๊กโด่ง’-กุนซือ‘บิ๊กป้อม’-นายทุน-นักวิชาการ-ทหารเอก’ ตบเท้านั่งกรรมการใหม่ เขี่ย ‘พล.อ.สุรเชษฐ์-พล.ต.ชูชาติ-พล.ต.สุชาติ’ พ้นเก้าอี้ ป้องเสื่อมเสีย

PIC ratchapakk 4 1 59 1

กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สาธารณชนจับตามองกันข้ามปี !

สำหรับกรณีการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสในการก่อสร้าง ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม อดีต ผบ.ทบ. ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับทำนองว่า การก่อสร้างดังกล่าวมีการหักค่าหัวคิวโรงหล่อพระรูปบูรพกษัตริย์จริง แต่ได้คืนเงินไปในรูปแบบบริจาคแล้ว

ส่งผลให้ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. คนปัจจุบัน ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ก่อนที่จะสรุปว่า ‘ไร้การทุจริต’ ทำให้เกิดข้อครหาจากสังคมเป็นอย่างมาก

กระทั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม สั่งการให้ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นอีกครั้ง

ก่อนที่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงกลาโหมในกรณีดังกล่าว แถลงข่าวระบุถึงการใช้จ่ายงบประมาณในการจัดสร้าง ซึ่งรวมแล้วสูงประมาณเกือบ 900 ล้านบาท โดยเป็นเงินจากงบกลาง เงินรับบริจาคเข้าบัญชีกองทัพบก และเงินบริจาคเข้าบัญชีของมูลนิธิราชภักดิ์ ที่มี พล.อ.อุดมเดช เป็นประธานมูลนิธิฯ

อย่างไรก็ดีแม้ว่าสื่อมวลชนหลายสำนักจะพยายามซักถาม พล.อ.ชัยชาญ ให้ยืนยันว่าการก่อสร้างดังกล่าวไม่มีการทุจริต แต่ พล.อ.ชัยชาญ กลับไม่สามารถยืนยันได้ โดยระบุว่า อำนาจหน้าที่ไปไม่ถึง ?

ส่วนกรณีการหักหัวคิวโรงหล่อพระรูปบูรพกษัตริย์ 7 พระองค์นั้น ทั้ง พล.อ.ธีรชัย และ พล.อ.ชัยชาญ ไม่สามารถให้คำตอบได้ โดย พล.อ.ธีรชัย ระบุว่าให้ไปสอบถาม พล.อ.อุดมเดช เอาเอง ขณะที่ พล.อ.ชัยชาญ ยืนยันว่า ไม่มีอำนาจตรวจสอบในส่วนนี้ และได้ส่งข้อสังเกตให้กับหน่วยงานอื่นเพื่อตรวจสอบต่อแล้ว

ไม่ว่าข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวจะเป็นอย่างไร ?

‘มูลนิธิราชภักดิ์’ ในฐานะที่เป็นแหล่งรวบรวมเงินบริจาคสำคัญ ได้ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ‘มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ในพระราชูปถัมภ์ฯ’ เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการมูลนิธิบางคนด้วย !

เพื่อขยายความให้ชัดขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลระหว่างมูลนิธิราชภักดิ์เดิม กับมูลนิธิราชภักดิ์โฉมใหม่ มาเปรียบเทียบให้สาธารณชนเห็นกันชัด ๆ ดังนี้

เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 126 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ออกประกาศเรื่องจดทะเบียนข้อบังคับมูลนิธิราชภักดิ์ว่า ‘มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร’ ย่อว่า ‘ร.ภ.’ (อ่านประกอบ : http://www.dailynews.co.th/politics/370928)

จากเดิมมีกรรมการมูลนิธิ 6 คน ได้แก่

1.พล.อ.อุดมเดช ประธานกรรมการ (รมช.กลาโหม)
2.พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองประธานกรรมการ (รมช.ศึกษาธิการ)
3.พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร กรรมการ (เสนาธิการทหารบก หรือ เสธ.ทบ.)
4.พล.อ.สุทัศน์ จารุมณี กรรมการ (รองเสนาธิการทหารบก)
5.พล.ต.ชูชาติ สุกใส กรรมการและเหรัญญิก (เจ้ากรมการเงินทหารบก)
6.พ.อ.สุชาติ พรหมใหม่ (ยศขณะนั้น ปัจจุบันยศ พล.ต.) กรรมการและเลขานุการ (ปัจจุบันอยู่ระหว่างหลบหนีตามหมายจับของศาลทหาร)

เปลี่ยนแปลงใหม่เป็น 11 คน ดังนี้

1.พล.อ.อุดมเดช ประธานกรรมการ
2.พล.อ.ศุภวุฒิ อุตมะ กรรมการ
3.พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร กรรมการ
4.พล.ท.สุทัศน์ จารุมณี กรรมการ
5.นายไพศาล พืชมงคล กรรมการ
6.น.ส.มรกต ณ เชียงใหม่ กรรมการ
7.น.ส.ณสรัญ มหิทธิชาติกุล กรรมการ
8.นายชยุต ภวภานันท์กุล กรรมการ
9.พล.อ.ประสูตร รัศมีแพทย์ กรรมการและเหรัญญิก
10.พล.อ.พอพล มณีรินทร์ กรรมการและเลขานุการ
11.พ.อ.สมชาย กุลภควา กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

เท่ากับว่ามีกรรมการใหม่เพิ่มขึ้นมา 8 คน ได้แก่ พล.อ.ศุภวุฒิ ที่ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา รมช.กลาโหม (พล.อ.อุดมเดช) และเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปี 2557 ส่วนนายไพศาล เป็นกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร) อดีตเคยเป็น ส.ว.แต่งตั้ง เมื่อปี 2539 และอดีต สนช. เมื่อปี 2549 ด้าน น.ส.มรกต เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท พาโนราม่า เวิลด์ไวด์ จำกัด เป็นหนึ่งในกรรมการสมาคมแห่งสถานบันพระปกเกล้า อดีตเคยเป็นคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ใน กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา

ส่วน น.ส.ณสรัญ และนายชยุต เป็นนักวิชาการด้านการตลาดและการเมือง อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) เคยเขียนหนังสือทางวิชาการออกมา เช่น นวัตกรรมนำตลาด ขณะที่ พล.อ.ประสูตร เป็นอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ส่วน พล.อ.พอพล เป็นอดีตผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ปัจจุบันเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และเป็นน้องชายของ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ อดีต ส.ว. และอดีตรอง ผบ.ตร. ปิดท้ายที่ พ.อ.สมชาย เป็นอดีตนายทหารพระธรรมนูญ

มีกรรมการที่ออกไป 3 คน ได้แก่ พล.อ.สุรเชษฐ์ พล.ต.ชูชาติ และ พล.ต.สุชาติ

อย่างไรก็ดีกรณีนี้หนีไม่พ้นต้องโฟกัสไปที่ พล.ต.สุชาติ หรือ ‘เสธ.โต’ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นนายทหารคนสนิท ‘บิ๊กโด่ง’ พล.อ.อุดมเดช

แต่ชีวิตกลับพลิกโผถูกศาลทหารออกหมายจับพร้อมกับ พ.อ.คชาชาติ บุญดี หรือ ‘เสธ.โจ้’ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกัน (รุ่นที่ 27) โดยช่วงแรกถูกหลายฝ่ายครหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่โปร่งใสในการก่อสร้างและจัดกิจกรรมของมูลนิธิราชภักดิ์

อย่างไรก็ดี พล.อ.ชัยชาญ ออกมายืนยันว่าทั้งคู่ที่หนีไปนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างอุทยานราชภักดิ์ แต่หนีไปเพราะคดีอื่น ?

กระทั่งมีกระแสข่าว 2 ทางว่า ทั้ง ‘เสธ.โต’ และ ‘เสธ.โจ้’ หลบหนีออกจากประเทศไทยไปแล้ว หรืออีกทางหนึ่งยังอยู่ในประเทศไทย แต่โดนควบคุมตัวอยู่ อย่างไรก็ดีทั้งสองกระแสยังไม่มีใครออกมายืนยันข้อเท็จจริงได้

แต่ประเด็นสำคัญที่มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการมูลนิธิฯใหม่ อาจเป็นไปได้ว่าต้องการ ‘ล้างภาพ’ ความไม่โปร่งใสออกไป ?

โดยเฉพาะสถานะของ ‘เสธ.โต’ ที่เป็นผู้ต้องหาหลังถูกศาลทหารออกหมายจับ อาจทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการและเลขานุการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากข้อบังคับในการจัดตั้งมูลนิธินั้น กำหนดให้กรรมการของมูลนิธิพ้นจากตำแหน่งมี 4 ข้อ ได้แก่ 1.ถึงคราวลาออกตามวาระ 2.ตายหรือลาออก 3.ขาดคุณสมบัติ เช่น มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไร้ความสามารถ ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก)

และข้อ 4 ซึ่งมีความสำคัญมาก คือ เป็นผู้มีความประพฤติและปฏิบัติตนเป็นที่เสื่อมเสีย และคณะกรรมการมูลนิธิฯ มีมติให้ออกโดยมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของกรรมการฯ

ดังนั้นเมื่อ ‘เสธ.โต’ ถูกศาลทหารออกหมายจับ ถือได้ว่าเข้าข่ายเรื่องการพ้นตำแหน่งตามข้อ 4 แล้ว เพราะถือว่าเป็นผู้ประพฤติและปฏิบัติตนเป็นที่เสื่อมเสีย ซึ่งตามขั้นตอนที่ควรจะเป็นต้องมีการเรียกประชุมกรรมการมูลนิธิฯ และลงคะแนนเสียงให้พ้นจากตำแหน่งเป็นทางการ

ก่อนที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เซ็นคำสั่งเปลี่ยนชื่อมูลนิธิราชภักดิ์ใหม่ และให้ ‘เสธ.โต’ พ้นจากตำแหน่ง นั่นเท่ากับว่า มีการประชุมกรรมการมูลนิธิฯ และมีการลงมติอย่างเป็นทางการแล้ว !

ส่วนกรณี พล.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งถือว่าเป็นมือเป็นไม้ในการช่วยทำรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และมีตำแหน่งเป็นถึง รมช.ศึกษาธิการ ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย ยังไม่ทราบสาเหตุ ?

ทั้งหมดคือ การเปลี่ยนชื่อ ‘มูลนิธิราชภักดิ์ฯ’ และเปลี่ยนโฉมหน้ากรรมการใหม่ ภายหลังที่กระทรวงกลาโหมออกมาแถลงแล้วว่า การก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์นั้น ‘โปร่งใส’ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีการ ‘ทุจริต’ จริงหรือไม่ ?

ขณะเดียวกันได้ปิดฉากชีวิตราชการ-สถานะของกรรมการมูลนิธิฯ ของ ‘เสธ.โต’ ซึ่งเป็นตำแหน่งสุดท้าย อย่างเป็นทางการด้วย !

อ่านประกอบ :

ป.ป.ท.รับนโยบาย'ศอตช.' จองกฐินลุยสอบ 'หัวคิวโรงหล่อ' อุทยานราชภักดิ์

พยายามอย่างที่สุดแล้ว! คำต่อคำ ‘พล.อ.ชัยชาญ’ แจงราชภักดิ์ไร้ทุจริต?

ไม่ลงโทษใคร รบ.อยู่ไม่ได้! ‘บิ๊กต๊อก’ ลั่นสร้าง‘ราชภักดิ์’มีทุจริต-หาคนผิดอยู่

ผ่าปมร้อน!เมื่อ 'อุดมเดช' ออกโรงแจงปม"โรงหล่อ" อีกครั้ง ทำไมยังไม่เชื่อมั่นกันอีก?

ทบ.ไม่ให้ข้อมูลสร้าง‘อุทยานราชภักดิ์’ กับ‘อิศรา’อ้างรอ สตง.สอบ

สถานะของ 'เสธ.โต' กับหนทางสู่การล้มเลิก 'มูลนิธิราชภักดิ์' ?

‘วีระ’ยื่น ป.ป.ช.สอบ‘อุดมเดช-ศิริชัย’ ปมก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์

ไร้เหตุควรสงสัย! ป.ป.ช.ยังไม่พบทุจริต‘ราชภักดิ์’รอผลสอบ สตง.-กห.-กองปราบ

เบื้องหลัง! ‘อิศรา’ใช้เวลา ชม.เศษตะลุย บก.ทบ.ขอข้อมูลสร้าง‘ราชภักดิ์’

อิศรา’ใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารขอ ทบ.เปิดรายละเอียดสร้าง‘อุทยานราชภักดิ์’