ศาลแพ่งสั่งชดใช้เฉียดล้าน ‘ศักดิ์โก’นำม็อบปิดกรมปค.
ศาลแพ่งสั่ง "สมศักดิ์" และพวกชดใช้เกือบล้านบาท นำม็อบ กปปส.ปิดล้อมกรมปกครอง 5 เดือนปี 56 ทนายจำเลยเตรียมยื่นอุทธรณ์
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาคดีที่กรมการปกครอง เป็นโจทก์ ฟ้องนายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายคมสัน ทองสิริ และนายสาวิทย์ แก้วหวาน เป็นจำเลยที่ 1-3 จากกรณีเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.56 จำเลยทั้งสาม ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นำกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมพื้นที่กระทรวงมหาดไทย และกรมการปกครอง ซึ่งเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ เรียกค่าเสียหาย 1,636,426.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีทั้งพยานบุคคลและภาพถ่ายยืนยันได้ว่า จำเลยทั้งสามเป็นผู้นำกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปปิดล้อมพื้นที่ของโจทก์ ส่วนที่จำเลยทั้งสามอ้างว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และไม่ไว้วางใจการบริหารราชการของรัฐบาล ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ศาลเห็นว่าไม่มีเหตุใดที่จะยกเว้นความรับผิดชอบของจำเลยทั้งสามหรือผู้ชุมนุม หากมีการกระทำอันเป็นการละเมิดต่อกฎหมายขณะชุมนุม การที่จำเลยทั้งสามนำผู้ชุมนุมเข้าไปในพื้นที่ของโจทก์เป็นเวลานานกว่า 5 เดือน ทำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของโจทก์ไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ตามปกติต้องไปทำงานที่ทำการชั่วคราว จึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์
จำเลยต้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย ได้แก่ ค่าอุปกรณ์สำนักงานเพื่อปฏิบัติงานที่ทำการชั่วคราว 101,000 บาท ค่าจ้างเหมารถตู้เพื่อรับส่งข้าราชการและเจ้าหน้าที่ไปที่ทำการชั่วคราว 50,000 บาท ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงระหว่างปฏิบัติงานที่ทำการชั่วคราว 4,000 บาท ค่าทรัพย์สินอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของราชการที่สูญหายจากการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุม 791,000 บาท เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 946,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ส่วนอาวุธปืนของโจทก์ที่อ้างว่าสูญหายไม่มีพยานหลักฐานฟังได้ว่าอาวุธปืนโจทก์สูญหายไปจริง จำเลยทั้งสามจึงไม่ต้องรับผิดส่วนนี้
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนายความจำเลย เปิดเผยว่า เตรียมจะยื่นอุทธรณ์คดีนี้ และเชื่อว่าฝ่ายโจทก์จะยื่นอุทธรณ์เช่นกัน เพราะขณะฟ้องได้ระบุมูลค่าความเสียหายไว้สูงเกือบ 2 ล้าน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้จำเลยทั้ง 3 ถูกกระทรวงมหาดไทยยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก 1 สำนวน ซึ่งศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาไปแล้วให้ชดใช้ความเสียหายกว่า 3 แสนบาท ซึ่งคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ โดยคดีที่ กปปส.ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายจากหน่วยราชการในการชุมนุมนั้น มีทั้งสิ้น 3 สำนวน โดยอีกสำนวนหนึ่งคือคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยื่นฟ้องพุทธะอิสระกับพวก ซึ่งคดีจะนัดตัดสินวันที่ 15 ก.พ.59
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องหลวงปู่พุทธะอิสระ, พล.ต.สมเกียรติ วัฒนวิกย์กิจ, นายชุมพล จุลใส, นายนิติธร ล้ำเหลือ และ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก แกนนำ กปปส. เป็นจำเลยที่ 1-5 เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย 2,663,409 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากกรณีเดือน ธ.ค.56 จำเลยทั้ง 5 เป็นแกนนำ กปปส. พาผู้ชุมนุมร่วมกันเข้าไปในอาคารดีเอสไอ แล้วทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งโจทก์ได้ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 18 พ.ย.57 ทั้งนี้ ได้สืบพยานจำเลยเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลแพ่งนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 15 ก.พ.59 เวลา 09.00 น
ขอบคุณข่าวจาก