ออกหมายจับ 'กำนันเซียะ-เมีย' เบี้ยวฟังคำพิพากษาคดีรุกที่-ฮั้ว
ศาลสั่งออกหมายจับ"กำนันเซียะ" เบี้ยวนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีบุกรุกที่หลวงกว่า 1 พันไร่ ใน จ.กาญจนบุรีและราชบุรี พร้อมนัดใหม่เป็น 25 ม.ค.ปีหน้า ส่วนคดีฮั้วประมูลศาลฎีกาเลื่อนนัดไป 25 ม.ค.ปีหน้าเช่นเดียวกัน หลังภรรยากำนันเซียะอ้างป่วยกระทันหัน ไม่เดินทางมาศาล พร้อมให้ออกหมายจับ
วันนี้ ( 22 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.4077/2546 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประชา โพธิพิพิธ หรือ กำนันเซียะ อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ นางเขมพร ต่างใจเย็น ภรรยา น.ส.วรรณา ล้อไพบูลย์ คนสนิทนางเขมพร และนายถวิล สวัสดี (เสียชีวิตแล้ว) เป็นจำเลย ที่ 1-4 ในความผิดฐานกรรโชกทรัพย์, หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (ฮั้วประมูล)
โจทก์ฟ้องบรรยายพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างปี 2542-2544 จำเลยร่วมกันฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างต่างๆ ใน จ.กาญจนบุรี และเพชรบุรี หลายโครงการ กระทั่งเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2544 จำเลยที่ 4 พร้อม นายสมศักดิ์ ศรีสุข เลขานุการของกำนันเซียะ กับพวกอีกหลายคนที่ศาลอาญาพิพากษาลงโทษไปแล้วเมื่อปี 2546 ได้ร่วมกันกระทำความผิดข้อหาอั้งยี่ เข้าขัดขวางไม่ให้ บริษัท วัสดุเซ็นเตอร์ จำกัด เข้าเสนอราคา โดยได้กักตัวนายเดชา มาศวรรณา ตัวแทนบริษัทไว้ พร้อมเสนอให้รับเงิน 1 หมื่นบาท เพื่อไม่ให้เข้าร่วมการเสนอราคา แต่เมื่อนายเดชาไม่ยินยอม นายสมศักดิ์กับพวกได้ใช้กำลังประทุษร้าย ต่อมาจำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน พร้อมให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
สำหรับคดีดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุกนายประชา หรือกำนันเซียะ เป็นเวลา 5 ปี ฐานเป็นหัวหน้า หรือผู้มีตำแหน่งในอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 วรรค 2 ส่วนจำเลยที่ 2-4 ให้จำคุกคนละ 4 ปี ฐานเป็นอั้งยี่ ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2550 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด อัยการโจทก์ยื่นฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วย
ในวันนี้ นายประชา จำเลยที่ 1 และ นางเขมพร จำเลยที่ 2 ไม่ได้เดินทางมาศาล โดยได้มอบอำนาจให้ทนายความมาฟังคำพิพากษาแทน ซึ่งทนายจำเลยที่ 2 แถลงว่า นางเขมพร จำเลยที่ 2 ป่วยท้องร่วงเฉียบพลัน พร้อมนำใบรับรองแพทย์ ที่ระบุให้พักรักษาตัว 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 - 23 ธ.ค.2558 มายืนยันต่อศาล
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ศาลได้ออกหมายจับนายประชา จำเลยที่ 1 และ น.ส.วรรณา จำเลยที่ 3 ครบ 1 เดือนแล้ว แต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวมาฟังคำพิพากษาได้ ส่วนนางเขมพร จำเลยที่ 2 ที่อ้างป่วยนั้นเห็นว่าขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่บ้าน ไม่ใช่ที่โรงพยาบาล อาการเจ็บป่วยไม่ถึงขนาดที่จะไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาหลบเลี่ยงไม่มาศาล ให้ออกหมายจับเพื่อมาฟังคำพิพากษา และนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้ง วันที่ 25 ม.ค.2559 เวลา 09.00 น.
วันเดียวกันที่ห้องพิจารณาคดี 901 ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.55/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายประชา โพธิพิพิธ ในความผิดฐาน เข้าไปยึดถือครอบครองที่ดิน หรือก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ในที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 9 และมาตรา 108 กรณีระหว่างปี 2533 - 2547 จำเลยเข้าไปครอบครองและให้บุคคลอื่นเช่า และใช้ประโยชน์ในที่ดินรวมจำนวน 299 ไร่ ในที่ดินราชพัสดุ ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี และที่ดิน 900 ไร่ ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลานัด ปรากฏว่านายประชา จำเลยไม่ได้เดินทางมาศาล มีเพียงทนายความ เดินทางมาศาล ซึ่งทนายความได้แถลงต่อศาลว่าไม่สามารถติดต่อกับ นายประชา จำเลยได้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยจงใจไม่มาฟังคำพิพากษา จึงให้ออกหมายจับนายประชาเพื่อมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อีกครั้งในวันที่ 25 ม.ค.2559 เวลา 09.00 น.
ขอบคุณข่าวจาก