บาดแผลจากตากใบ (2) ดวงตาที่มอดดับกับชีวิตที่มอดหวัง
"เขาทำงานหนักไม่ได้แล้ว วันก่อนชวนไปไถนา ไม่ทันไรตาข้างซ้ายก็มีน้ำตาไหลออกมา ข้างในตากลายเป็นสีแดงก่ำ และเขาก็ปวดหัวหนักมาก" พ่อของแวดีเล่าให้สมาชิกในเครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพฟัง ขณะนั่งกันอยู่หน้าบ้านซึ่งอยู่ด้านหลังมัสยิดตากใบ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
"แวดี มะโซ๊ะ" มีคำนำหน้าเป็น "เด็กชาย" เท่านั้นในช่วงที่เกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547 ตอนนั้นเขาเพิ่งอายุได้ 14 ปี และกำลังเรียนหนังสืออยู่ที่ "ปอเนาะกำปงดาแล" โรงเรียนสอนศาสนาดั้งเดิมใกล้กับบ้านของพี่ชาย
และพี่ชายของเขาเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ตากใบ...
แวดี เล่าว่า ในวันเกิดเหตุเขากับเพื่อนๆ ชวนกันไปเที่ยวที่ตลาดตากใบ ทำให้เข้าไปอยู่ในสถานที่เกิดเหตุโดยไม่ได้ตั้งใจ และตกเป็นเหยื่อของการใช้ความรุนแรงอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย
"ระหว่างที่มีการสลายการชุมนุม ตอนนั้นผมได้ยินเสียงปืน ผมกับคนอื่นๆ พากันหมอบราบลงกับพื้น แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กของผม ทำให้ผมชะเง้อหน้าขึ้นมาดู ทันใดนั้นกระสุนปืนก็วิ่งตรงมาที่หัว เฉียดลูกตาข้างซ้าย หลังจากนั้นผมก็สลบไป ไม่รู้สึกตัวอีกเลย" เสียงของแวดีแม้จะพยายามฝังกลบอารมณ์อันหดหู่และน้อยใจในโชคชะตาเอาไว้ แต่เขาก็ซ่อนมันไม่มิด
แวดี เล่าว่า รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเพียงแค่ 18 วันด้วยสภาพที่แม้แต่มารดาของเขาเองก็ยังเชื่อว่าเขาไม่รอด...
"ตาข้างที่ถูกยิงนั้น ลูกตาหลุดออกมาอย่างน่ากลัว แม่เล่าว่าตอนนั้นคิดในใจว่าผมคงไม่รอดแล้ว แต่ก็ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ผมหายอย่างรวดเร็ว นอกจากโดนยิงที่ตาแล้ว ผมยังมีแผลที่น่องข้างขวา ซึ่งคาดว่าน่าจะเพราะกระสุนปืนเฉี่ยว"
แม้จะหายจากอาการบาดเจ็บและออกจากโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็มีความผิดปกติเกิดขึ้นกับเขา แวดีโดนแสงแดดจัดๆ ไม่ค่อยได้ และทำงานหนักแทบไม่ได้เลย เพราะจะมีอาการปวดศีรษะและน้ำตาไหล ทำให้เขาไม่สามารถประกอบอาชีพได้เช่นคนปกติ
ก่อนหน้านี้เขาเคยไปช่วยพี่ชายขายของชำแถวบ้าน แต่วันนี้ร้านชำก็ปิดลงเสียแล้ว ทำให้เขาไม่มีรายได้อะไรเลย ต้องขอจากพ่อซึ่งมีรายได้ทางเดียวจากการหาปลาในบึง เหตุนี้เองทำให้พ่อกับแม่ของเขาเป็นห่วงว่าลูกชายจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไรหากถึงวันที่ไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วย
เมื่อถามความรู้สึกของแวดี เขาบอกว่ายังรู้สึกโกรธอยู่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ และภาพที่เขาระลึกได้จากเหตุการณ์ตากใบก็คือ ภาพเจ้าหน้าที่กำลังใช้เท้าเตะเขาและคนอื่นๆ
หลังเหตุการณ์ร้ายผ่านพ้นไป แวดีได้รับเงินช่วยเหลือจากการยื่นฟ้องร้องในคดีแพ่งจำนวน 6 แสนบาท พ่อได้นำเงินไปซื้อสวนมะพร้าวซึ่งมีลูกมะพร้าวมากพอที่จะนำมาเป็นวัตถุดิบทำอาหารได้ในแต่ละวัน และยังปลูกพืชผักสวนครัวเอาไว้อีกส่วนหนึ่งด้วย
ส่วนเรื่องการเรียนหนังสือนั้น แวดี บอกว่า ไม่ได้ไปเรียนอีกเลย
"ไม่อยากไปเรียนต่อเพราะโตแล้ว อายเพื่อนๆ" เขาให้เหตุผลที่เสมือนซ่อนปมด้อยของตัวเองไว้ภายใน
ด้วยครอบครัวที่มีฐานะยากจนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งยังไม่ได้เรียนหนังสือต่อ หนำซ้ำยังต้องอยู่ในสภาพเหมือนคนพิการ ไม่สามารถประกอบอาชีพได้เช่นคนปกติ จึงยากที่จะจินตนาการว่าแวดีจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรในวันที่ไม่มีพ่อกับแม่คอยดูแล
นี่คือสภาพชีวิตของคนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ตากใบ ซึ่งตอบยากว่าโชคดีหรือโชคร้ายกว่าคนที่ตายไปแล้ว...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 แวดี กับดวงตาที่ต้องเสียไป กับบาดแผลที่ไม่อยากจะจดจำในเหตุการณ์ตากใบ
2 แวดีกับแม่ และบาดแผลที่ขา
หมายเหตุ : รอฮานี จือนารา เป็นหนึ่งในเครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้
อ่านประกอบ : บาดแผลจากตากใบ (1) เหยื่อที่ยังมีลมหายใจ กับเป้าหมายซ้ำซากของฝ่ายความมั่นคง