โฆษกรัฐบาลเผยมาตรการทวงคืนผืนป่าคืบ ตั้งเป้าปี 58 เพิ่ม 1.7 แสนไร่
โฆษกรัฐบาลเผยเร่งคืนความสมบูรณ์สู่ธรรมชาติ ชี้รัฐรับฟังความเห็นชาวบ้าน ไม่ทอดทิ้งผู้ยากไร้ แต่ฟันนายทุนและผู้บุกรุกอย่างจริงจัง
พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้ามาตรการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้หรือทวงคืนผืนป่าว่า รัฐบาลมีเป้าหมายในการรักษาพื้นที่ป่าให้มีสภาพสมบูรณ์ให้ได้ร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศหรือ 128 ล้านไร่ ภายใน 10 ปี จากที่ขณะนี้มีเพียงร้อยละ 31.62 ทั้งการรักษาพื้นที่ป่าทั่วไปและพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกปลูกยางพารา โดยปีที่แล้วสามารถตรวจยึดคืนพื้นที่ได้ 107,000 ไร่ และในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 173,973 ไร่ เนื่องจากมีการบูรณาการร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายความมั่นคง และประชาชนในพื้นที่
“การตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายจะดำเนินการอย่างรอบคอบโดยสอบถามจากผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือประชาชนในท้องถิ่น สืบสวนข้อมูลทางลับและแหล่งข่าวทุกช่องทาง เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อผู้ยากไร้ โดยเฉพาะผู้ที่บุกรุกก่อนที่จะมีคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 จะผ่านการคัดกรองและให้ความช่วยเหลือ ส่วนผู้ที่บุกรุกหลังคำสั่งดังกล่าวและนายทุนทั้งหมดจะถูกดำเนินดคี หากพื้นที่ใดยังมีปัญหาหรือข้อโต้แย้งจะมีการชะลอการดำเนินการจนกว่าจะได้ข้อยุติ และนำเรื่องเสนอคณะกรรมการระดับจังหวัดเพื่อคลี่คลายสถานการณ์”
พลตรี สรรเสริญ กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลมีแนวทางแยกแยะผู้ยากไร้และนายทุนอย่างชัดเจน เช่น ผู้บุกรุกที่เป็นนายทุนมักจะมีพื้นที่บุกรุกในครอบครอง 25 ไร่ขึ้นไป มีการสร้างบ้านพัก โรงแรม รีสอร์ท เป็นเจ้าของสวนยางพาราหลายแปลง หรืออาจมาจากต่างถิ่นแต่ให้ชาวบ้านทำการแทน เป็นต้น คนกลุ่มนี้รวมถึงชาวบ้านที่บุกรุกป่าเพื่อทำสวนยางจะถูกดำเนินคดี
ส่วนชาวบ้านที่เคยรับจ้างกรีดยางซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องให้ความช่วยเหลือ ให้กรีดยางในพื้นที่ที่เคยถูกบุกรุกปลูกยางพารา ซึ่งทางการสงวนไว้ 40% ของพื้นที่บุกรุกทั้งหมด เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟู โดยให้สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน สนับสนุนการใช้ประโยชน์จากน้ำยางของชาวบ้าน หากเป็นชาวบ้านนอกพื้นที่สวนยางที่เป็นเป้าหมายให้รับจ้างดูแลรักษาป่าเพื่อสร้างรายได้ สำหรับพื้นที่ต้นยาง 60% ที่ถูกตัดทำลายไปจะมีการปลูกพืชทดแทนตามหลักวิชาการ โดยต้นยางใดที่สามารถใช้เป็นสินค้าได้ให้ดำเนินการตามระเบียบราชการอย่างโปร่งใส
“ท่านนายกฯ ให้ความสำคัญต่อความเดือดร้อนของผู้ยากไร้ แต่ก็ยอมไม่ได้หากมีการบุกรุกทำลายทรัพยากรของชาติ โดยได้กำชับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ สร้างความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหากับภาครัฐ ที่ผ่านมาท่านได้สั่งการให้ตั้ง คกก.นโยบายที่ดินแห่งชาติ บูรณาการงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร และผู้ยากไร้ให้มีที่อยู่อาศัย มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง รวมทั้งให้จัดทำผังเมืองรวมทั่วประเทศเพื่อประโยชน์ในการจัดการที่ดินอย่างยั่งยืนให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2558”