คอนเนคชั่น 'พล.ต.สุชาติ พรมใหม่' คนสนิท 'บิ๊กทหาร' ก่อนโดนหมายจับ!
"..กว่า 5 ปีที่ "เสธ.โต" เป็นเสมือนมือขวาของ "บิ๊กโด่ง" ครั้นเมื่อขึ้นเป็นผบ.ทบ. "บิ๊กโด่ง" จึงไว้วางใจแต่งตั้งให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง "ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์" เพื่อคุมกำลังทหารในเมืองให้ ที่สำคัญ "เสธ.โต" ดูแลพื้นที่โดยรอบ "ร.11 รอ." โดยเฉพาะพื้นที่เขตบางเขน ที่เชื่อมต่อกับจังหวัดปทุมธานีที่มีความเคลื่อนไหวของ "กลุ่มคนเสื้อแดง" มาโดยตลอด และสามารถควบคุมความเคลื่อนไหวได้ทั้งหมด.."
เป็นปริศนากันมานานสำหรับ นายทหารยศ "พลตรี" ที่ปรากฏในหน้าสื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ จนกระทั่งล่าสุด "ศาลทหาร" ได้ออกหมายจับ "พลตรี" คนดังกล่าว ทำให้ปริศนาถูกเปิดเผยเป็นทางการว่า
"พลตรี" ปริศนา มีชื่อว่า "พล.ต.สุชาติ พรมใหม่" อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org จึงขอย้อนประวัติ-ย้อนคอนเนคชั่นของ "พล.ต.สุชาติ" หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า "เสธ.โต" เพื่อให้รับทราบเป็นข้อมูล
โดย "พล.ต.สุชาติ" จบจากโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 27 รุ่นเดียวกับ "พ.อ.คชาชาต บุญดี" ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน ซึ่งหลบหนีออกนอกประเทศไปก่อนหน้านี้
(อ่านประกอบ : เส้นทางหนี 'พ.อ.คชาชาต บุญดี' กบดานชนกลุ่มน้อยเมียนมาร์?)
สมัยเรียนที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) รุ่น 38 ด้วยลักษณะทางกายภาพที่เป็นคนรูปร่างใหญ่ จึงถูกคัดเลือกให้อยู่ในทีมกีฬารักบี้ของโรงเรียนจปร.มาตลอด
ขณะที่เส้นทางทหารเข้ารับราชการทหารยศร.ต.ที่กองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ
ด้วยลักษณะนิสัยเป็นกันเอง-คุยง่ายของ "เสธ.โต"
จึงเป็นที่รู้จักของนายทหารระดับบิ๊ก ได้รับการทาบทามให้เป็นนายทหารคนสนิทของ "บิ๊กทหาร" หลายคน
ไล่ตั้งแต่ "พล.อ.วิมล วงศ์วานิช" อดีตผู้บัญชาการทหารบก จนกระทั่งหลังการรัฐประหารปี 2549 ชื่อของ "เสธ.โต" ยิ่งเป็นที่รู้จักของสื่อมวลชนสายทหาร หลังคอยติดสอยห้อยท้าย "พลเอกบุญรอด สมทัศน์" อดีตเป็นนายทหารคนสนิทของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ในฐานะนายทหารคนสนิท
หลังจากนั้นได้ขยับมาเป็นผู้บังคับกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11
ก่อนหลุดออกจากตำแหน่งก็มาเป็นนายทหารคนสนิทของ "บิ๊กโด่ง" พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ตั้งแต่ตอนเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ต่อด้วยตำแหน่งเสนาธิการทหารบก รองผู้บัญชาการทหารบก ก่อนที่ "บิ๊กโด่ง" จะขึ้นเป็นผู้บญชาการทหารบก
กว่า 5 ปีที่ "เสธ.โต" เป็นเสมือนมือขวาของ "บิ๊กโด่ง" ครั้นเมื่อขึ้นเป็นผบ.ทบ. "บิ๊กโด่ง" จึงไว้วางใจแต่งตั้งให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง "ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์" เพื่อคุมกำลังทหารในเมืองให้
ที่สำคัญ "เสธ.โต" ดูแลพื้นที่โดยรอบ "ร.11 รอ." โดยเฉพาะพื้นที่เขตบางเขน ที่เชื่อมต่อกับจังหวัดปทุมธานีที่มีความเคลื่อนไหวของ "กลุ่มคนเสื้อแดง" มาโดยตลอด และสามารถควบคุมความเคลื่อนไหวได้ทั้งหมด
อีกทั้ง "เสธ.โต" ยังเป็นคนนำกำลังทหารจากร.11 รอ. เข้าไปขอความร่วมมือสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ให้งดออกอกาศรายการ "เสียงประชาชนที่ต้องฟังก่อนปฏิรูป" ตอนเสียงคนใต้ที่ต้องฟังก่อนปฏิรูป ที่ดำเนินรายการโดย "ณาตยา แวววีรคุปต์" จนเป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันหนาหูมาแล้ว
และในช่วงท้ายของการดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. "บิ๊กโด่ง" ได้ออกคำสั่งขยับให้ "เสธ.โต" น้องรักขยับมาดำรงตำแหน่ง ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ขึ้นชั้นเป็นนายพลไว้ทิ้งทวน และไว้วางใจแต่งตั้งให้เป็นกรรรมการและเลขานุการมูลนิธิราชภักดิ์ด้วย
ก่อนที่ชีวิตของ "เสธ.โต" จะผลิกผันสุดขีด ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงปัญหาการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ร่วมกับ "พ.อ.คชาชาต" จนต้องยอมลาออกจากตำแหน่งแบบลับๆ
กระแสข่าวชีวิตของ "เสธ.โต" ขณะนี้มีอยู่ 2 ทาง หนึ่งยังอยู่ในประเทศไทย แต่โดนควบคุมตัวอยู่ที่มณฑลทหารบกที่ 11 สองได้เดินทางออกนอกประเทศไปยังประเทศเป้าหมาย ผ่านทางแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านไปแล้ว
ซึ่งทั้งสองกระแสข่าวยังไม่มีใครออกมายืนยันได้ แม้แต่ตัว "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังออกมาปฏิเสธว่าไม่รู้
หลังจากนี้ต้องรอวันที่นัดหมายต้องส่งตัว "ผู้ต้องหา" รายงานตัวฝากขังต่อ "ศาลทหาร" ซึ่งจะเป็นสิ่งยืนยันเดียวว่า "พล.ต.สุชาติ" ยังอยู่ในประเทศไทยหรือหลบหนีออกไปแล้ว