พท.จี้ 'บิ๊กตู่' เร่งคดีฟิลลิปมอร์ริสเลี่ยงภาษี
พท.จี้ 'บิ๊กตู่' เร่งคดีฟิลลิปมอร์ริสเลี่ยงภาษี ให้นายกฯ แนะนำไปรายงานตัวต่ออัยการฯ เพื่อส่งฟ้องคดี วันที่ 25 พ.ย.นี้
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แนะนำให้บริษัทฟิลลิป มอริส ไปรายงานตัวต่ออัยการฯ เพื่อส่งฟ้องคดีฯ ในวันที่ 25 พ.ย. ทั้งนี้ตามที่อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องเด็ดขาดให้ฟ้องคดีฯ บริษัทฟิลลิปฯ และผู้ต้องหาหลายรายในฐานความผิดร่วมกันเกี่ยวข้องด้วยประการใดๆ ในการหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงค่าภาษีศุลกากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2469 มาตรา 27 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา 91 (จำนวน 274 ใบขนสินค้าขาเข้า) โดยนัดหมายให้ผู้ต้องหามาพบอัยการฯ เพื่อนำตัวไปฟ้องคดีฯ ที่ศาลอาญาในวันที่ 25 พ.ย. นั้น บริษัทฟิลลิปฯ ไม่ต้องมาอ้างเรื่องข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ เพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านนายกรัฐมนตรีไปประชุมเอเปคที่ประเทศฟิลิปปินส์ก็ไม่เห็นทางรัฐบาลฟิลิปปินส์พูดเรื่องปัญหาภาษีของบริษัท ฟิลลิปฯ แต่อย่างใด
นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทฟิลลิปฯ ได้ร้องขอความเป็นธรรมไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งได้มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย และพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งตนได้ตั้งข้อสังเกตว่า มีการก้าวล่วงองค์กรอัยการฯ ซึ่งเป็นองค์กรตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เป็นเจ้าพนักงานฯ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่ฝ่ายบริหารราชการแผ่นดินไม่อาจก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมทางอาญาดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะฝ่ายอัยการฯ แจ้งถึงเหตุจำเป็นที่จะต้องดำเนินการส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาฟ้องคดี ไม่อาจจะทำเป็นอย่างอื่นได้ เพราะคดีได้ถึงที่สุดโดยการสั่งฟ้องแล้วนั้น แต่ในที่ประชุมเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.58 ที่นายวิษณุเป็นประธาน และได้เรียกฝ่ายอัยการฯ มาประชุมนั้น มีมติว่า นายวิษณุในฐานะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ให้มาดูแลเรื่องที่บริษัทฟิลลิปฯ ขอความเป็นธรรมว่า รัฐบาลจะออกหนังสือตามข้อ 3.ของเรื่องสั่งการมอบหมายว่า กรณีนี้สำนักนายกรัฐมนตรีจะมีหนังสือแจ้งให้สำนักงานอัยการฯ ได้ทราบถึงเหตุผลและข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนวันที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษนัดผู้ต้องหามารายงานตัวเพื่อจะส่งฟ้องคดีในวันที่ 25 พ.ย. ซึ่งตนเห็นว่า เหลือเวลาอีก 4 วันจะถึงวันที่ 25 พ.ย. ซึ่งผู้ต้องหาต้องไปพบอัยการฯ เพื่อให้อัยการนำตัวไปฟ้องต่อศาลอาญานั้น นายวิษณุคงไม่ทำหนังสือสำนักนายกรัฐมนตรีมาถึงอัยการฯ เพราะตนยืนยันว่า การทำหนังสือดังกล่าวจะเป็นการที่ฝ่ายบริหารก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมทางอาญาโดยไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้ และการทำหนังสือดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ในประการที่จะช่วยเหลือผู้ต้องหาในคดีอาญานี้
"ที่ผ่านมาผมไม่อยากจะเปิดเผยว่าใครไปพูดกับใคร พูดว่าอย่างไร ในทำนองให้ช่วยเหลือผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งมีพยานหลักฐานเพียงพอว่าใครดำเนินการอย่างไรบ้าง ในการที่จะช่วยเหลือบริษัทฟิลลิปฯ และผู้ต้องหา แต่วันนี้ ผมเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม เพื่อที่จะสื่อไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ นายวิษณุ และพล.อ.วิลาศ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ให้ดำเนินการในเรื่องที่ถูกต้องคือ แจ้งให้บริษัทฟิลลิปฯ และผู้ต้องหาไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการฯ ในวันที่ 25 พ.ย. จะเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด เพื่อมิให้มีข้อครหาต่อเรื่องนี้ เพราะตลอดมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสมอว่า นโยบายของตนในฐานะนายกรัฐมนตรี ใครถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อให้ชี้ถูกผิด ดังนั้น เรื่องนี้ควรตอบหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังบริษัทฟิลลิปฯ และผู้ต้องหาทั้งหมดว่า ให้ไปตามนัดหมายของอัยการเพื่อฟ้องคดีในวันที่ 25 พ.ย. นายยุทธพงศ์กล่าว
นายยุทธพงศ์ กล่าวด้วยว่า หากวันที่ 25 พ.ย. บริษัทฟิลลิปฯ และผู้ต้องหาไม่ไปตามนัดหมาย ของพนักงานอัยการฯ ตนจะเดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุดในวันที่ 26 พ.ย. เวลา 11.00 น. เพื่อยื่นหนังสือต่อ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร เพื่อขอให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 141 โดย ให้จัดการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้ได้ตัวผู้ต้องหามาเพื่อส่งฟ้องศาล หากดำเนินการดังกล่าวได้ก็ถือว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติที่แตกต่างไปจากคดีจำนำข้าว หวังว่านายวิษณุจะไม่เห็นว่า จะมีประโยชน์อะไรมากไปกว่าการนำเงินภาษี จำนวน 68,000 ล้านบาทมาคืนให้กับประเทศชาติ
ขอขอบคุณข่าวจาก