เส้นทางหนี 'พ.อ.คชาชาต บุญดี' กบดานชนกลุ่มน้อยเมียนมาร์?
"...จังหวัดแม่ฮ่องสอนจะเป็นพื้นที่ของ "รัฐฉาน" หรือไทใหญ่ เป็นกลุ่มที่ได้รับความช่วยเหลือจาก "กองทัพภาคที่ 3" มากที่สุด และ "บิ๊กรัฐฉาน" หลายคน ยังสนิทสนมกันดีกับ "พ.อ.คชาชาต" จนมีกระแสข่าวออกมาหนาหูว่า "พ.อ.คชาชาต" ได้รับความช่วยเหลือจาก "เจ้ายอดศึก" หลบหนีในครั้งนี้?..."
กระแสข่าวจับกุม "พ.อ.คชาชาต บุญดี" หรือ "เสธ.โจ้" อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน ดังออกมาเป็นระยะๆ แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสามารถจับกุมได้ตามกระแสข่าวหรือไม่ หลัง "พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา" ผบ.ตร. ปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว
แต่เป็นที่แน่นอนแล้วว่า "พ.อ.คชาชาต" หนีไปกบดานที่ชายแดนไทย-เมียนมาร์ โดยเดินทางผ่านด่านแม่สอด-เมียวดี ในช่วงเวลา 06.00 น. วันที่ 31 ตุลาคม 2558 มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายมารับตัว "พ.อ.คชาชาต" ก่อนที่จะมีข่าวการออกหมายจับในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2558
อย่างไรก็ดี มีการยืนยันข้อมูลว่า ในช่วงที่ผ่านมา "กองทัพภาคที่ 3" ได้ทำหนังสือลับรายงานมาถึงผู้บังคับบัญชาเพื่อรายงานการหลบหนีของ "พ.อ.คชาชาต" ว่าเดินทางเข้าจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมาร์ โดยอาศัยอยู่กับชนกลุ่มน้อย
แต่ยังคงเป็นปริศนาว่า "ชนกลุ่มน้อย" ของเมียนมาร์กลุ่มใดที่ให้ความช่วยเหลือ "พ.อ.คชาชาต" ครั้งนี้
ว่ากันว่า "พ.อ.คชาชาต" มีสายสัมพันธ์กับ “ชนกลุ่มน้อย” ในเมียนมาร์หลายกลุ่ม เคยให้ความช่วยเหลือในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 36 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน แถม "พ.อ.คชาชาต" รู้ดีว่าจะอาศัยอยู่กับ "ชนกลุ่มน้อย" กลุ่มใดที่ไว้วางใจได้ เพื่อทำให้ตัวเองปลอดภัยที่สุด
สำนักข่าวอิศรา www.isranwes.org ได้ตรวจสอบข้อมูล “ชนกลุ่มน้อย” ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่ "พ.อ.คชาชาต" จะขอพักพิงชั่วคราว เพื่อหาทางหลบหนีไปยังประเทศที่สามต่อไป
ไล่เรียงข้อมูลมาให้เห็นภาพชัดๆ ดังนี้
ในช่วงที่ "พ.อ.คชาชาต" หลบหนี มีรายงานออกมาว่า “กองทัพภาคที่ 3” ได้ประสานไปยัง “เมียนมาร์” เพื่อขอติดตามตัว “พ.อ.คชาชาต” กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย จึงพบว่า “พ.อ.คชาชาต” เดินทางไปยังด่านแม่สอด ก่อนข้ามสะพานแม่น้ำเมย ไปยังเมืองเมียวดี เพื่ออาศัยอยู่กับกองกำลังชนกลุ่มน้อย
โฟกัสหลักไปที่ชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง ที่เป็นมิตรรู้จัก-คุ้นเคยกันดี หากสแกนพื้นที่รอยต่อไทย-เมียนมาร์ จะพบ “ชนกลุ่มน้อย” ที่เคลื่อนไหวอยู่ดังนี้
ตั้งแต่บริเวณอำเภออุ้มผางจนถึงอำเภอแม่สอด เป็นเขตอิทธิพลของ “กะเหรี่ยงพุทธดีเคบีเอ” มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกับกองทัพไทย โดยเฉพาะช่วงที่พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ เป็น ผบ.ทบ. เคยสั่งยิงปืนใหญ่ถล่มกะเหรี่ยงพุทธ เพื่อตอบโต้ที่กะเหรี่ยงพุทธโจมตีเข้ามาเขตไทย ยิงกระสุนตกใกล้ดอยตุง
บริเวณเมืองเมียวดี ตรงข้ามอำเภอแม่สอดจนถึงอำเภอแม่ระมาด เป็นเขตอิทธิพลของ “กองกำลังบีจีเอฟ” ซึ่งถือเป็นกองกำลังที่ทำงานให้กับ “รัฐบาลทหารเมียนมาร์”
บริเวณอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เป็นเขตอิทธิพลของ “กะเหรี่ยงคริสต์” หรือเคเอ็นยูเคเอ็นแอลเอ เป็นกองกำลังที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และได้รับการช่วยเหลือจาก "กองทัพภาคที่ 3" มากพอสมควร
ถัดมาถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอนจะเป็นพื้นที่ของ "รัฐฉาน" หรือไทใหญ่ เป็นกลุ่มที่ได้รับความช่วยเหลือจาก "กองทัพภาคที่ 3" มากที่สุด และ "บิ๊กรัฐฉาน" หลายคน ยังสนิทสนมกันดีกับ "พ.อ.คชาชาต"
จนมีกระแสข่าวออกมาหนาหูว่า "พ.อ.คชาชาต" ได้รับความช่วยเหลือจาก "เจ้ายอดศึก" หลบหนีในครั้งนี้?
แต่ด้วยภาวะที่ "รัฐฉาน" กำลังเผชิญกับสงคราม จึงลำบากพอสมควรที่ "เจ้ายอดศึก" จะมาอำนวยความสะดวกให้ "พ.อ.คชาชาต" เพราะต้องดูแลประชาชนที่อยู่ในความดูแล
ทั้งหมดคือ "ชนกลุ่มน้อย" ของประเทศพม่าที่พอจะมีศักยภาพช่วยเหลือ "พ.อ.คชาชาต" ได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ "พ.อ.คชาชาต" เดินทางต่อไปยังประเทศที่สาม ที่มีการพูดถึงกันอยู่ในขณะนี้
ส่วนทางการไทย จะสามารถติดต่อตัว "พ.อ.คชาชาต" กลับมาได้หรือไม่
หลายฝ่ายเห็นพ้องตรงกันว่า "ยาก"