โอบามาเข้าใจการเมืองไทยซับซ้อน
"ประยุทธ์" กระซิบ "โอบามา" ขอบคุณส่งทูตมาประจำประเทศไทย เผยประธานาธิบดีสหรัฐเข้าใจความซับซ้อนของการเมืองไทย จะไม่ทอดทิ้งยินดีสนับสนุนให้เป็นประชาธิปไตยโดยเร็ว แต่ "กลิน เดวีส์" บอกสหรัฐผิดหวังรัฐบาลส่งผู้ลี้ภัยกลับเมืองจีน อ้างฝ่าฝืนพันธสัญญา UNHCR ขณะที่ "เมดเวเดฟ" เชิญนายกฯ ไทยเยือนรัสเซียพฤษภาคมปีหน้า ร่วมฉลองครบรอบ 20 ปีหุ้นส่วนรัสเซีย-อาเซียน ด้าน "มีชัย" ขอมีอิสระในการร่างรัฐธรรมนูญ ลั่นไม่จำเป็นต้องทำตามข้อเสนอ คสช.
เมื่อวันพฤหัสบดี ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ในระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ได้พบกับนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ เนื่องจากที่นั่งประชุมติดกัน จึงได้แสดงความขอบคุณทางสหรัฐที่ส่งเอกอัครราชทูตมาประจำประเทศไทย ซึ่งนายโอบามาระบุว่ายินดี เพราะความเป็นพันธมิตรระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกามีมายาวนาน และทอดทิ้งกันไม่ได้ และยังยินดีที่จะสนับสนุนไทยเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งตนได้ยืนยันว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ไทยเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์และยั่งยืน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ผู้นำสหรัฐได้กล่าวย้ำว่าทราบดีถึงความซับซ้อนของการเมืองไทย แต่สิ่งที่ห่วงใยคือเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งได้ยืนยันไปว่าพยายามดูแลในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเรื่องทางการข่าวจากผู้ที่ไม่หวังดี ซึ่งบางครั้งนำเสนอโดยไม่มีข้อเท็จจริง ทำให้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน ดังนั้นจึงอยากขอร้องสื่อมวลชน ว่าอย่ารับข้อมูลที่ผิดๆ มานำเสนอ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน ที่เป็นเหตุหนึ่งทำให้อีกฝ่ายมากดดันเราในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง
ขณะที่นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง โดยนายกลิน ที. เดวีส์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรัฐบาลไทยส่ง 2 ผู้ลี้ภัยชาวจีนกลับจีนว่า ระหว่างเข้าพบ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ไม่มีการหารือเรื่องนี้ แต่สหรัฐรู้สึกเป็นห่วงและผิดหวังการตัดสินใจของรัฐบาลไทยที่ส่งผู้ลี้ภัยชาวจีนกลับประเทศ เนื่องจากไทยมีพันธสัญญากับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์ ดังนั้นผู้ที่ลงทะเบียนไว้กับยูเอ็นเอชซีอาร์ไว้ ก็ต้องได้รับการกระทำเยี่ยงผู้ลี้ภัย ซึ่งสหรัฐเห็นด้วยกับแถลงการณ์ของยูเอ็นเอชซีอาร์
รัสเซียบียอนด์เดอะเฮดไลน์ส สื่อมวลชนของมอสโก รายงานโดยอ้างคำพูดของนายกรัฐมนตรีดมิตรี เมดเวเดฟ ระหว่างพบปะหารือทวิภาคีกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 23 ที่กรุงมะนิลา ว่า "ผมอยากเชิญท่านไปเยือนรัสเซียในเดือนพฤษภาคม 2116 เพื่อร่วมประชุมซัมมิตรัสเซีย-อาเซียน" ในวาระครบรอบ 20 ปีแห่งความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัสเซีย-อาเซียน
นายเมดเวเดฟยังได้เท้าความถึงเมื่อครั้งที่เขาเดินทางเยือนประเทศไทยในเดือนเมษายน 2015 โดยบอกว่า "นับตั้งแต่นั้นเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยหลายคนได้เดินทางเยือนประเทศของเรา และเดินหน้าปรึกษาหารือกันในประเด็นต่างๆ"
พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขอบคุณประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ได้ฝากนายกรัฐมนตรีรัสเซียเชิญไปเยือนรัสเซียในเดือนพฤษภาคม 2016 และเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปีของความสัมพันธ์ไทยกับรัสเซีย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
"มีชัย"ขออิสระร่างรธน.
วันเดียวกัน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ถึง 10 ข้อเสนอแนะของ คสช.ต่อร่างรัฐธรรมนูญว่า ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าข้อเสนอของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่จะเสนอตามมา ซึ่งทุกข้อเสนอที่ส่งมาจะมีผลต่อการตัดสินใจของ กรธ. โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนส่งมา แต่ขึ้นอยู่กับว่าข้อเสนอนั้นเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่เราต้องการหรือไม่ อย่างสิ่งที่ คสช.เสนอมา คือสิ่งที่เราต้องทำอยู่แล้วทั้งนั้น ซึ่งบางเรื่องเรายังพิจารณาไปไม่ถึง
นายมีชัยกล่าวว่า ข้อเสนอทั้ง 10 ข้อของ คสช.นั้น กรธ.ไม่จำเป็นต้องทำตามทั้งหมด เพราะยังคงความอิสระในการทำหน้าที่ อีกทั้งบางเรื่องชัดเจนอยู่แล้ว เช่นข้อ 7 ช่วงท้าย พูดถึงการใช้กำลังทหารโดยสุจริตเพื่อความมั่นคงของภาครัฐจากภัยที่มาจากภายในและภายนอกราชอาณาจักร ไม่ต้องรับโทษทางแพ่ง ทางอาญา และทางปกครอง ก็มีกฎหมายอาญาเขียนไว้ชัดเจนแล้วว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายไม่ถือเป็นความผิด ข้อนี้ไม่ใช่การนิรโทษกรรม มันเป็นไปตามหลักสากล เช่นในยามศึกสงคราม หากทหารพลาดยิงไปถูกคนที่ไม่ใช่ข้าศึก ก็ไม่ผิด
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอผ่าทางตัน หากเกิดสุญญากาศทางการเมือง คือ คปป. ใช่หรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า คสช.ไม่ได้เขียนคำว่า คปป. การเขียนรัฐธรรมนูญเผื่อไว้สำหรับการแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตนั้น เป็นหน้าที่เรา ซึ่งก็ได้เริ่มคิดไว้แล้วบางส่วน เช่น หากเป็นวิกฤติธรรมดา ก็อาจจะให้อยู่ในอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ตนเดาว่าการที่ คสช.เสนอมาแบบนี้ ก็เนื่องจากที่ผ่านมาเห็นว่าเมื่อเกิดปัญหาและไม่มีทางออก ที่สุดแล้วก็จะไปถึงการขอนายกฯ มาตรา 7 ซึ่งไม่ถูกต้อง
"ที่ผ่านการเรียกร้องนายกฯ ตามมาตรา 7 คือความเข้าใจผิด ความหมายของมาตรานี้คือ เมื่อมีบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญไม่มี ก็จะให้ใช้ตามประเพณีการปกครอง ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 และ 2550 เขียนยืดยาวจนเกินขอบเขตประเพณีการปกครองไปแล้ว ก็ไม่แก้ปัญหา คนยังเรียกร้องนายกฯ ใหม่ตามมาตรา 7 เพื่อจะไปแทนนายกฯ เก่าที่ไม่ลาออก เราจึงทำความเข้าใจใหม่ด้วยการตัดมาตรา 7 ส่วนนั้นทิ้ง แล้วก็กำลังดูอยู่ว่าจะเอาเนื้อหาที่ตัดนี้ไปไว้ตรงไหน เพื่อให้เป็นประโยชน์กับการแก้วิกฤติมากที่สุด ซึ่งหากเราเขียนไว้ ก็จะกำหนดวิธีใช้ไว้โดยละเอียด เพียงแต่ตอนนี้เรายังคิดไม่ออกและยังไม่ถึงส่วนนั้น" นายมีชัยกล่าว
ชี้"คสช."ไม่อยากให้วิกฤติซ้ำ
เมื่อถามถึงข้อเสนอให้รัฐธรรมนูญต้องมีความยืดหยุ่น ขัดหลักการที่ผ่านมาซึ่งต้องการให้รัฐธรรมนูญแก้ไขยากหรือไม่ ประธาน กรธ.ตอบว่า ไม่ รัฐธรรมนูญจะต้องแก้ไขได้ แต่จะต้องไม่แก้ไขได้ง่ายเหมือนกฎหมายธรรมดา เพื่อคงความเป็นกฎหมายสูงสุดเอาไว้ อีกทั้งเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ก็ย่อมต้องมีการแก้ไข ซึ่งแนวทางนี้ไม่ได้ทำให้การแก้รัฐธรรมนูญง่ายขึ้น ดุลอำนาจก็จะยังมีอยู่ แต่ต้องไม่ตายตัว เช่น สูตรการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งก็จะใส่ไว้ในกฎหมายลูก หากอนาคตมีใครคิดวิธีนับคะแนนที่ดีกว่าได้ ก็ไปแก้ไขในกฎหมายลูก ไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ หรือในส่วนของศาลก็จะเขียนเพียงอำนาจหน้าที่ แต่จะไม่ลงรายละเอียดว่าต้องมีตุลาการกี่คน
"การแก้ไขกฎหมาย แก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของนโยบาย ถึงเวลารัฐบาลจะแก้ไขอะไร ก็ให้ไปต่อสู้ดิ้นรนกันตรงนั้น เรากำลังคิดจะทำให้รัฐธรรมนูญแก้ไขได้ยาก โดยกำลังพยายามจะหากลไกให้การแก้ไขนั้นต้องได้รับความยินยอมจากทุกภาคส่วนก่อนจึงทำได้ แต่อาจไม่ใช่จากการทำประชามติ" นายมีชัยกล่าว
ต่อข้อถามว่า ในฐานะคนใกล้ชิด คสช. ข้อเสนอทั้ง 10 นี้ ต้องการอะไร นายมีชัยกล่าวว่า ให้เดาคือ คสช.เห็นว่าเมื่อเกิดปัญหาทางการเมืองขึ้น ก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งเรียกให้ทหารออกมา ทั้งที่เขาไม่อยากออกมา ซึ่งพอไม่ออกก็จะถูกกล่าวหาว่ากองทัพไม่ยอมทำเพื่อประเทศ จนที่สุดก็ต้องออกมา คสช. จึงอยากให้เขียนทางออกสำหรับปัญหา เพื่อที่กองทัพจะไม่ต้องออกมาอีก ซึ่งแบบนี้ไม่ได้จำเป็นต้องไปมอบอำนาจเต็มให้แก่ใคร เช่น เมื่อปัญหาเกิดขึ้น ก็ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ผลที่ออกมาเป็นอย่างไรก็จบ หวังว่าเราจะแก้ปัญหานี้ออก ซึ่งไม่อยากใช้แนวทางเหมือน กมธ.ยกร่างฯ ชุดที่ผ่านมา เนื่องจากหลายฝ่ายไม่เห็นด้วย
นายมีชัยยังได้ปาฐกถาพิเศษในการเปิดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีกลุ่มตัวแทนจากภาคประชาชนเข้าร่วมจำนวน 7 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มปฏิรูปด้านการศึกษา กลุ่มการค้าเสรี กลุ่มคุ้มครองผู้บริโภคกลุ่มสิทธิสตรี กลุ่มสื่อสารมวลชน และสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย กลุ่มทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดโดย กรธ.และสถาบันพระปกเกล้า
ประธาน กรธ.กล่าวช่วงหนึ่งว่า ด้วยสิติปัญญาของ กรธ. 21 คน บางครั้งก็ไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศได้ทุกเรื่อง และหลายเรื่องก็คิดไม่ออก จึงต้องรับฟังความเห็นจากประชาชนเพื่อนำมาจุดประกายต่อยอด และแก้ปัญหาต่างๆ แม้จะไม่นำไปใช้ทั้งหมด แต่ก็จะนำไปกลั่นกรองเพื่อให้มีอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญตามที่สติปัญญาของ กรธ.จะสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เช่นในตอนนี้ สิ่งที่พบและต้องการปฏิรูป แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรคือ 1.เรื่องการศึกษา โดยเฉพาะการปลูกฝังวินัย เพราะหากขาดเรื่องดังกล่าวนี้ ก็จะนำมาซึ่งปัญหาทุกๆ ด้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ กรธ.คิดไม่ออก และต้องการฟังความเห็น และ 2.คือการปฏิรูปกลไกตำรวจ และการบังคับใช้กฎหมาย ที่ไม่ต้องใช้กฎหมายเอาใจนาย ใคร หรือผู้มีอิทธิพล มิเช่นนั้นบ้านเมืองก็ไม่สงบ และหาก 2 เรื่องนี้ไม่ทำ ประเทศชาติก็เดินหน้าไม่ได้
“มีเรื่องตลกร้ายก็คือว่าคนไทยไหว้ทุกอย่าง ผมก็บอกว่าคนไทยไหว้ทุกอย่าง เพราะเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ เว้นแต่กฎหมายคนไทย ยิ่งกฎหมายมากเท่าไหร่ หากคนไม่เชื่อก็ไม่ทำให้บ้านเมืองดีขึ้น แต่จะเปรียบเป็นโซ่ตรวนเท่านั้น”
ประธาน กรธ.กล่าวด้วยว่า ขอให้มั่นใจว่า กรธ.ไม่ฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใด มองแค่ว่ากลไกที่ กรธ.วางไว้จะเอื้อประโยชน์ประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่ ถ้าประชาชนจะเลือกใคร กรธ.ก็คงไม่ไปเกี่ยวข้องแล้ว และต่อไป ทั้งนี้ หากใครจะแสดงความเห็นในเรื่องกระบวนการเข้าสู่การเมือง ก็ขอร้องให้ถอดพรรคการเมืองเอาไว้ที่บ้าน และมาตัวเปล่า แสดงความเห็นพร้อมเสนอแนะในสิ่งที่เกิดประโยชน์ส่วนร่วมและประเทศชาติ
เลือกตั้ง"สว."ทางอ้อม
นายอุดม รัฐอมฤต โฆษก กรธ. แถลงผลการประชุมคณะ กรธ.ว่า ที่ประชุมพิจารณาที่มา จำนวน คุณสมบัติ วาระการดำรงตำแหน่งและอำนาจหน้าที่วุฒิสภา ยังไม่เสร็จ แต่มีหลักการเห็นตรงกันไม่ต้องการให้พรรคการเมืองเข้ามาครอบงำ โดยแนวคิดที่คาดว่าจะไม่เอา คือการเลือกตั้ง ส.ว.โดยตรง เพราะจะมีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง เนื่องจากผู้สมัคร ส.ว.จะต้องไปหาเสียงและไม่ต้องการระบบสรรหา เนื่องจากทำให้เกิดความไม่ประทับใจ เพราะผ่านการเลือกเพียงไม่กี่คน ดังนั้นทางออกที่คาดว่า กรธ.จะเลือกใช้คือเลือกตั้งทางอ้อม โดยรูปแบบกำลังพิจารณา อาจเป็นการคัดเลือกในกลุ่มสังคมพื้นที่ให้มีการคัดเลือกกันเอง เป็นต้น
โฆษก กรธ.กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังมีการพิจารณาเรื่องการคำนวณเพื่อปรับจำนวนสมาชิก ส.ส.บัญชีรายชื่อที่เกินจำนวนที่นั่ง 150 ที่นั่ง ให้สอดคล้องกับสัดส่วนที่ได้รับ โดยขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ แต่เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าจะไม่ปล่อยไหลจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อเกิน 150 ที่นั่ง เนื่องจากมีความไม่แน่นอน และเป็นจารีตมานานแล้วที่มีจำนวน ส.ส.แน่ชัด อย่างไรก็ดี ที่ประชุมมีความเป็นห่วงใยในกรณีพรรคที่ได้คะแนน ส.ส.เขตมาก แต่เมื่อไปคำนวณใน ส.ส.บัญชีรายชื่อ กลับทำให้ได้ที่นั่งในภาพรวมน้อยกว่าพรรคที่ได้คะแนน ส.ส.เขตต่ำกว่า เนื่องจากพรรคแรกได้สัดส่วนเพียงพอแล้ว ดังนั้น กรธ.ต้องไปคำนวณหาวิธีการให้ได้ความเป็นธรรมมากที่สุด
ที่เมืองทองธานี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายการปฏิบัติงานให้เเก่ปลัดจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารส่วนกลาง เพื่อขับเคลื่อนภารกิจและนโยบายสำคัญของรัฐบาลสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ประจำปีงบประมาณ 2559 โดย พล.อ.อนุพงษ์กล่าวช่วงหนึ่งว่า ท่านที่เป็นนักปกครอง ขอฝังชิปลงไปเลย ถ้าทำให้คนในชาติแตกแยกกัน แล้วปัจจุบันนี้อย่าบอกว่าไม่มี มันถึงขั้นใช้อาวุธกันแล้ว ไปถามทหารที่อยู่ในเหตุการณ์ได้เลย ถามว่าปีนี้ยังมีการใช้อาวุธอยู่หรือไม่ ตอบท่านได้เลยว่ายังมี ท่านเป็นนักปกครอง อย่าผลักประเทศไทยไปในจุดที่มันจะกลับคืนมาไม่ได้
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวต่อว่า ถ้าประชาธิปไตยแล้วคนมาตีกัน ขอเลือกอย่าให้ตีกันดีกว่า ฉะนั้นอย่าให้เกิดขึ้น ถ้าประชาชนตั้งโรงเรียนเสื้อสีแล้วดี ก็ตั้งให้มันทั่วประเทศไปเลย แต่ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน โดยเฉพาะการไปเกณฑ์ประชาชนมา อยากฝากไปถึงรัฐบาลชุดต่อไป ถ้าไปทำอะไรไว้ไม่ดี พอได้เป็นมันจะสะท้อนกลับมาเหมือนดาบคืนสนอง เรื่องความปรองดองอย่ามาอ้างว่าถ้าดำเนินคดีแล้วปรองดองไม่ได้ เอาหลักสูตรที่ไหนมาคิด ทำผิดก็ต้องรับโทษ มันไม่เกี่ยวกัน.
ขอบคุณข่าวจาก