ขมวดปมเงื่อน!สร้าง‘สภาใหม่’ 1.2 หมื่นล. ก่อนเชือด ‘จเร’ ไฉนล่าช้า?

เขียนวันที่

วันพุธ ที่ 18 พฤศจิกายน 2558 เวลา 17:00 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

“…ยังไม่มีความชัดเจนว่า ในการแจ้งความเอาผิดบุคคลที่ขนดินของรัฐสภานำไปถมที่บริษัทเอกชนเครือ ‘เสี่ยเจริญ’ นั้นมีใครบ้าง และดำเนินการถึงขั้นตอนไหนกันแน่ (ตามคำให้สัมภาษณ์ของนายจเรกับสำนักข่าวอิศรา ระบุว่า อัยการใกล้สั่งฟ้องแล้ว) ทั้งที่ถือว่าเป็นการยักยอกทรัพย์สินของทางราชการ…”

PIC sapa 18 11 58 4

กลายเป็นประเด็นร้อนที่สื่อแทบทุกสำนักนำไปขยายในระดับ ‘พาดหัวไม้’ !

กรณีคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ที่มีนางวรารัตน์ อติแพทย์ เลขาธิการวุฒิสภา มีความเห็นในการข้อเท็จจริงกรณีการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ล่าช้า ตามข้อร้องเรียนของบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ว่า นายจเร พันธุ์เปรื่อง อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นพิเศษเฉพาะราย) ผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

(อ่านประกอบ : ‘จเร’หอบหลักฐานสู้ปมสร้างสภาใหม่ช้า-ยันแจ้งความคนขนดินถมที่เอกชนแล้ว)

อย่างไรก็ดียังคงไม่กระจ่างชัดว่า ‘จเร’ ผิดวินัยร้ายแรงด้วยสาเหตุอะไรกันแน่ และสุดท้ายการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ที่ล่าช้าเกิดขึ้นจากอะไร ?

เพื่อขยายความให้ชัดขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ขมวดเงื่อนปมให้สาธารณชนรับทราบ ดังนี้

แน่นอนอย่างที่หลายคนทราบกันไปแล้วว่ารัฐสภาแห่งใหม่นี้ จะสร้างเสร็จไม่ทันในปี 2558 ตามกำหนดในสัญญาเดิม ที่ระบุว่า การก่อสร้างใช้เวลา 900 วัน เริ่มตั้งแต่ 8 มิ.ย. 2556 สิ้นสุดสัญญาเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2558 ซึ่งขณะนี้ใกล้จะครบสัญญาแล้ว แต่จากที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการสังเกตการณ์ก่อสร้างดังกล่าว

ประเมินไว้ว่าเพิ่งมีความคืบหน้าไปได้แค่ 13.91% เท่านั้น (ประเมินเมื่อเดือน ก.ย. 2558)

พร้อมยืนยันว่า สร้างเสร็จไม่ทันในปลายปีนี้อย่างแน่นอน และคาดกันว่าอาจจะแล้วเสร็จช่วงปลายปี 2560

และเงื่อนปมสำคัญที่กระทรวงมหาดไทยรายงานให้คณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทราบมาโดยตลอดมีอยู่ 2 ปัจจัยด้วยกัน ได้แก่

1.การส่งมอบพื้นที่ไม่เป็นไปตามสัญญา และพื้นที่บางส่วนไม่ได้รับมอบคืนจากหน่วยงานเดิม

ซึ่งกรณีนี้ กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า มีอยู่อย่างน้อย 3 หน่วยงาน ที่ยังไม่ได้คืนพื้นที่ให้แก่รัฐสภา เพื่อมอบให้ผู้รับจ้าง (บริษัท ซิโน-ไทยฯ) ได้แก่ บริเวณโรงเรียนโยธินบูรณะ (เดิม) ชุมชนองค์การทอผ้า และบ้านพักทหารของกรมการอุตสาหกรรมทหาร รวมแล้วกว่า 100 ไร่

สำหรับกรณีโรงเรียนโยธินบูรณะที่ยังไม่ส่งมอบพื้นที่นั้น นายพิชยนันท์ สารพานิช ผู้อำนวยการโรงเรียนโยธินบูรณะ (ขณะนั้น) อธิบายต่อสำนักข่าวอิศราในหลายประเด็น สรุปใจความคือ ในช่วงการออกแบบแปลนก่อสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ ระบุมูลค่าประมาณ 1.4 พันล้านบาท ในการก่อสร้าง ได้ถูกตัดงบฯซึ่งไม่ตรงกับตอนทำเรื่องของบประมาณ ที่ได้งบ 1 พันล้านบาท ทำให้ต้องตัดการก่อสร้างอาคารสำคัญ และสิ่งอำนวยความสะดวก-ปลอดภัยในโรงเรียนหลายรายการ ทำให้การก่อสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ต้องล่าช้า และต้องดำเนินการของบประมาณเพิ่มเติม

ซึ่งในการของบประมาณเพิ่มเติมนี้ ในช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของสภาผู้แทนราษฎรที่เกี่ยวข้อง ต่าง “ยึกยื้อ” ไม่ยอม “ไฟเขียว” งบประมาณเพิ่มเติม โดยระบุว่า ให้งบประมาณไปเป็นพันล้านบาทแล้วทำไมจึงสร้างไม่ได้ ?

นอกจากนี้บริษัทเอกชนที่เข้ามารับงานก่อสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ ยังมีการขอยืดเวลาในการก่อสร้างออกไป โดยอาศัยมติคณะรัฐมนตรีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 อย่างน้อย 2 ครั้ง ทำให้โรงเรียนต้องยืดเวลาออกไป

ตรงนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ยังเปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนแห่งใหม่ไม่ได้ อย่างไรก็ดีขณะนี้นายพิชยนันท์ ยืนยันว่า ได้รับงบประมาณเพิ่มเติมแล้ว และเตรียมจะเปิดใช้โรงเรียนแห่งใหม่ในปีการศึกษา 2559

ล่าสุด เหลือพื้นที่ที่ยังไม่ได้ส่งมอบเหลือประมาณ 20 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ในส่วนของงานภูมิทัศน์

2.การขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้างไม่เป็นไปตามแผน

กระทรวงมหาดไทย รายงานว่าตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557-ปัจจุบัน ขนย้ายดินออกไปแล้วประมาณ 7.5 แสนลูกบาศก์เมตร จากปริมาณดินทั้งหมดกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือปริมาณดินที่ต้องขนออกประมาณ 7.4 หมื่นลูกบาศก์เมตร

โดยระหว่างนั้นมีการบริจาคดินให้อย่างน้อย 2 แห่ง ได้แก่ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ และวัดแก้วจุฬามณี ประมาณ 2 แสนลูกบาศก์เมตร และนำไปขายทอดตลาดให้บริษัทเอกชน ประมาณ 2.4 แสนลูกบาศก์เมตร รอการขายทอดตลาดอีกประมาณ 3 แสนลูกบาศก์เมตร

ซึ่งในส่วนการบริจาคดินให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์นั้น กลับมีการขนดินที่จะนำไปบริจาคไปถมในที่ดินของบริษัทเอกชนเครือนายเจริญ สิริวัฒนภักดี แทนการนำไปให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ จนมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงข้าราชการ 3 ราย

แต่ยังไม่ทันจะสอบข้อเท็จจริงเสร็จ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรืโอชา หัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่ง คสช. อาศัยอำนาจตาม ม.44 “ปลด” นายจเร ออกจากตำแหน่งเสียก่อน พร้อมกันนี้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ล่าช้าขึ้นแทน ตามข้อร้องเรียนของบริษัท ซิโน-ไทยฯ

สำหรับข้อร้องเรียนของบริษัท ซิโน-ไทยฯ พบว่า ร้องเรียนอยู่ 4 ประเด็นด้วยกัน ได้แก่

1.ไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหา-ไม่ฟังข้อเสนอแนะ-ข้อทักท้วงขอบริษัท มีเจตนาประวิงเวลาพิจารณาต่อขยายเวลาให้บริษัท

2.ไม่ยอมปรับแก้รูปแบบงาน ไม่มีการเจรจาบรรเทาปัญหา

3.มีการแต่งตั้งบุคคลที่เคยเป็นกรรมการตรวจการจ้างงานออกแบบ มาเป็นกรรมการตรวจการจ้างอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน

4.ปัญหาการขนดินไปบริจาค และการบริหารงานขนดินที่ผิดพลาด

ก่อนที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง มีความเห็นว่า ‘จเร’ มีความผิดทางวินัย

อย่างไรก็ดีน่าสังเกตว่า

หนึ่ง ยังไม่มีความชัดเจนว่า ท้ายสุดแล้วการส่งมอบพื้นที่การก่อสร้างล่าช้าเป็นความผิดของใคร ระหว่างหน่วยงานที่ถูกเวนคืนพื้นที่ รัฐสภา หรือบริษัท ซิโน-ไทยฯ เนื่องจากต่างฝ่ายต่างโยนความผิดกันไปมา

ยกตัวอย่าง กรณีโรงเรียนโยธินบูรณะ ที่รัฐสภาจัดสรรงบประมาณก่อสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ 1 พันล้านบาท ทว่าในการออกแบบแปลนก่อสร้างกลับตั้งงบไว้สูงถึง 1.4 พันล้านบาท ทำให้ต้องเปิดประมูลถึง 3 ครั้งจึงจะได้เอกชนมารับงาน และมีการปรับลดสเปคลงไปอย่างมาก ทำให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จไปตามแผน เป็นสาเหตุหนึ่งให้การก่อสร้างล่าช้า

สอง ปัญหาความไม่โปร่งใสในการขนดิน ทั้งนำไปบริจาค และขายทอดตลาด ที่มีการระบุในสัญญาว่า เป็นหน้าที่ของรัฐสภาในการส่งมอบดิน ทำให้รัฐสภาต้องไปจ้างบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเข้ามารับหน้าที่ตรงนี้ กระทั่งนำไปสู่การตรวจสอบพบว่า ในการบริจาคที่ดินให้กับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ แต่กลับนำดินไปถมที่บริษัทเอกชนเครือ ‘เสี่ยเจริญ’ แทน

นำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง 3 ข้าราชการ “ชั้นผู้น้อย” (สมัยนายจเร เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนฯ) ทั้งที่ในการรายงานการขอบริจาคที่ดิน และการเซ็นอนุมัติขั้นตอนการบริจาคที่ดิน (สมัยนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนฯ) นั้น พบว่ามีข้าราชการ “ระดับสูง” เกี่ยวข้องด้วยหลายราย

สาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า ในการแจ้งความเอาผิดบุคคลที่ขนดินของรัฐสภานำไปถมที่บริษัทเอกชนเครือ ‘เสี่ยเจริญ’ นั้นมีใครถูกกล่าวหาบ้างกี่ราย และดำเนินการถึงขั้นตอนไหนกันแน่ (ตามคำให้สัมภาษณ์ของนายจเรกับสำนักข่าวอิศรา ระบุว่า มีการแจ้งความแล้ว และพนักงานสอบสวนใกล้ส่งมอบให้อัยการสั่งฟ้องแล้ว) ทั้งที่ถือว่าเป็นการยักยอกทรัพย์สินของทางราชการ

สี่ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง (ชุดที่นายพรเพชรแต่งตั้ง) ไม่มีการชี้แจงอย่างเป็นทางการว่า นายจเร ผิดวินัยร้ายแรงในข้อกล่าวหาใดบ้าง และมีคนอื่นผิดนอกเหนือจากนี้หรือไม่

ทั้งหมดคือเงื่อนปมที่ “ยังไม่กระจ่าง” ทั้งที่ใช้งบประมาณในการก่อสร้างไปแล้วกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ?

ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ผู้เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ‘บิ๊กตู่’ เอง ที่ก่อนหน้านี้เคยออกปากเร่งรัดให้การก่อสร้างรัฐสภาใหม่ทำด้วยความรวดเร็ว รวมถึง ‘พรเพชร’ ในฐานะประธานรัฐสภาปัจจุบัน ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า ตกลงปัญหาอยู่ตรงไหนกันแน่

หมายเหตุ : ภาพประกอบนายจเร จาก naewna