ชีวิตในเรือนจำปากน้ำแดน 3 'เสี่ยเปี๋ยง' หลังเจอคุก 6 ปี ยักยอกข้าวรัฐ
เผยชีวิตในเรือนจำปากน้ำ แดน 3 'เสี่ยเปี๋ยง' อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง หลังถูกศาลสั่งจำคุก 6 ปี ยักยอกข้าวรัฐ ยุค 'เพรสซิเดนท์' สวดมนต์เช้า-เย็น 2 รอบ มีอาการเครียด ร้อนใจ ห่วงกังวลตลอด 'เมีย-ลูก' นั่งรถหรู เข้าเยี่ยมไม่ห่าง
หลายคนอาจจะรับทราบข้อมูลแล้วว่า นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดังของประเทศไทย ผู้ก่อตั้งบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด หนึ่งในจำเลยคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ที่ เรือนจำกลางสมุทรปราการ 'แดน 3'
หลังศาลอุทธรณ์ภาค1 มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดง 1755-1756/2558 และ 1757-1758/2558 ที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวงสมุทรปราการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัทเพรสซิเดนท์ อะกิ เทรดดิ้ง จำกัด และนายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก โดยพิพากษายืนให้ลงโทษจำคุกนายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง สำนวนละ 3 ปี ปรับสำนวนละ 6,000 บาท รวมจำคุกสองสำนวนเป็นเวลา 6 ปี ไม่รอลงอาญา และปรับ 12,000 บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมคืนข้าวสารที่ยักยอกไปในสำนวน อ.833-834/2558 จำนวน 16,400 ตัน หรือใช้เป็นเงินแทนจำนวน 175,480,000 บาท ให้กับกรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ ผู้เสียหาย และให้ร่วมกันคืนข้าวสารในสำนวน อ.835-836/2558 จำนวน 4,742.96 ตัน หรือใช้เงินแทน 54,385,902.07 บาท
และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ไม่ได้เดินทางมาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อนัดตรวจหลักฐานใหม่ ในคดีหมายเลขดำ อม. 25/2558 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวกรวม 21 ราย ในความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐหรือฮั้วประมูล พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 9, 10 และ 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 123 และ 123/1 พร้อมทั้งขอให้สั่งปรับจำเลยทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน 35,274,611,007 บาท กรณีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2558 ที่ผ่านมา
(อ่านประกอบ : อยู่แดน 3! จนท.เรือนจำปากน้ำ ยันศาลสั่งจำคุก 'เสี่ยเปี๋ยง' คดีข้าวยุค'เพรสซิเดนท์'')
แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ที่ เรือนจำกลางสมุทรปราการ ตั้งแต่เมื่อไร และสภาพการใช้ชีวิตในเรือนจำกลางสมุทรปราการ 'แดน 3' เป็นอย่างไรบ้าง
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ หลายคน และได้รับการยืนยันข้อมูลตรงกัน ว่า นายอภิชาติ ถูกส่งตัวเข้ามาอยู่ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ต.ค.2558 ปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในแดน 3 ซึ่งเป็นแดนที่ควบคุมดูแลนักโทษคดีสำคัญๆ
สำหรับการใช้ชีวิตของนายอภิชาติในเรือนจำ ก็เหมือนกับนักโทษคนอื่นๆทั่วไป ทั้งเรื่องการกินอาหาร ที่พัก กิจวัตรประจำวัร ไม่ได้มีสิทธิพิเศษเหนือกว่านักโทษคนอื่น
ส่วนกิจวัตรประจำวันที่นายอภิชาติต้องทำหลักก็จะมีการสวดมนต์ 2 รอบ คือ ช่วงตี 5 และ ช่วงเวลา 5 โมงเย็น และเข้าร่วมกิจกรรมอื่นที่นักโทษต้องปฏิบัติ
ขณะที่รายการอาหารที่กินก็เป็นไปตามที่เรือนจำจัดไว้ เช่น แกงไก่ แกงหมู ผัดผัก ปลาเบญจพรรณต่าง ๆ เป็นต้น
เจ้าหน้าที่เรือนจำรายหนึ่ง ยืนยันว่า ในช่วงแรกที่ถูกส่งตัวเข้ามา นายอภิชาติ มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัดเจน อยู่เฉยๆ ไม่ค่อยพูดจากกับใคร แต่ปัจจุบันก็เริ่มปรับตัวได้บ้าง มีการอ่านหนังสือ และออกกำลังกายบ้าง
แต่ปัจจุบันก็ยังดูมีความกังวลใจ ดูร้อนใจ เหมือนเป็นห่วงอะไรอยู่ตลอดเวลา
ส่วนคนในครอบครัวของนายอภิชาติ ก็เดินทางมาเยี่ยมสม่ำเสมอ ทั้ง ภรรยา ลูกชาย น้องสาว จะขับรถยนต์มาช่วงเช้าๆ โดยรถยนต์ที่ใช้มี 2 คัน คือ "แลนด์ ครูเซอร์ สีขาว" และ "โฟล์คตู้สีดำ"
ทั้งหมดคือภาพรวมการใช้ชีวิตในเรือนจำของนายอภิชาติ ตั้งแต่ช่วงที่ถูกส่งตัวเข้ามาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนรายละเอียดในคำพิพากษาคดียักยอกข้าวรัฐทั้ง 2 คดี ที่ศาลตัดสินลงโทษ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นายอภิชาติถูกส่งตัวมาอยู่ในเรือนจำแห่งนี้ นั้น
สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบรายละเอียดในคำพิพากษา ซึ่งปรากฎชื่อ บริษัทเพรสซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 ส่วนนายอภิชาติ จันทรสกุลพร เป็นจำเลยที่ 2
ปรากฎพฤติการณ์เหมือนกัน คือ ภายหลังจากที่ กรมการค้าต่างประเทศ ได้ว่าจ้างให้บริษัทเพรสซิเดนท์ฯ เข้ามาเป็นผู้รับปรับปรุงข้าวเพื่อส่งออกไปยังอิหร่าน คดีแรกจำนวนข้าวอยู่ที่ 20,000 ตัน คดีที่สอง 44,086.96 ตัน แต่บริษัทเพรสซิเดนท์ฯ นำข้าวมาส่งคืนได้ไม่ครบถ้วนตามสัญญา เพราะมีการยักยอกข้าวไปเป็นของบริษัทเพรสซิเดนท์ฯ เพื่อส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศเอง
โดยข้าวคดีแรก จำนวน 20,000 ตัน ส่งคืนมาแค่ 2,600 ตัน เหลือข้าวอีก 16,400 ตัน มูลค่า 175,480,000 บาท ไม่ได้ส่งมอบ ส่วนข้าวคดีที่สองจำนวน 44,086.96 ตัน มีข้าวที่ยังไม่ส่งมอบให้เหลืออยู่อีก 4,742.96 ตัน มูลค่า 54,385,902.07 บาท
ซึ่งในช่วงการดำเนินงาน กรมการค้าต่างประเทศ ได้พยายามติดตามท้วงถามหลายครั้ง แต่บริษัทเพรสซิเดนท์ฯ ก็นิ่งเฉยไม่ดำเนินการอะไร และเมื่อมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบโกดังข้าว ของพบว่า มีข้าวเหลืออยู่ไม่มาก
โดยข้าวคดีแรกจำนวน 20,000 ตัน มีข้าวเหลืออยู่แค่ 2,000-3,000 ตัน ส่วนข้าวคดีที่สอง เหลืออยู่แค่ 100 ตัน
กรมการค้าฯ จึงบอกเลิกสัญญา และมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัทเพรสซิเดนท์ฯ เป็นจำเลยที่ 1 และ นายอภิชาติ เป็นจำเลย ที่ 2
ขณะที่จากการสืบพยาน พบว่า เมื่อบริษัทเพรสซิเดนท์ฯ ได้รับข้าวจากกรมการค้าต่างประเทศไปแล้ว มีการส่งออกข้าวไปขายยังต่างประเทศ ในช่วงเวลาเดียวกับที่ได้รับสัญญาปรับปรุงข้าว และหลักฐานมีเพียงพอเชื่อได้ว่า บริษัทเพรสซิเดนท์ฯ มีการเบียดบังข้าวไปเป็นของตนเอง
ส่วนกรณีนายอภิชาติ ฝ่ายโจทก์นำสืบว่า เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทฯ กระทำการแทนบริษัทเพรสซิเดนท์ฯ เพียงคนเดียว การที่บริษัทเพรสซิเดนท์ฯ นำข้าวจากโกดังไปจำหน่ายต่อ จึง ต้องรับทราบเรื่องด้วย รวมถึงการส่งข้าวออกไปขายต่างประเทศ ถ้านายอภิชาติไม่รับรู้ก็ย่อมจะทำไม่ได้ ขณะที่พยานของฝ่ายจำเลย ก็ไม่มีน้ำหนักหักล้างได้
ศาลจึงพิพากษาลงโทษ มีความผิดตามประมวลกม.อาญา มาตรา 352 ประกอบมาตรา 83 ลงโทษปรับบริษัทเพรสซิเดนท์ฯ จำเลยที่ 1 จำนวน 6,000 บาท นายอภิชาติ จำเลยที่ 2 จำคุก 3 ปี นับโทษรวม 2 คดี ค่าปรับอยู่ที่ 12,000 บาท จำคุก 6 ปี และให้ร่วมกันคืนข้าวสารหรือชดใช้แทนแก่ผู้เสียหายคดีแรก จำนวน 16,400 ตัน มูลค่า 175,480,000 บาท คดีที่สอง 4,742.96 ตัน มูลค่า 54,385,902.07 บาท รวมวงเงิน 229,865,902 บาท
ขณะที่ การยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของ นายอภิชาติ ไม่เป็นผล เนื่องจากคดีนี้นายอภิชาติยังไม่ได้ยื่นฎีกาต่อสู้คดี และเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง การที่จะยื่นฎีกานั้นจะต้องมีการรับรองฎีกาทำให้นายอภิชาติยังไม่ได้รับการประกันตัว
และถูกคุมขังใช้ชีวิตอยู่ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ ตามข้อมูลที่สำนักข่าวอิศรา นำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว
(อ่านประกอบ : ชะตากรรม "เสี่ยเปี๋ยง" คนสนิท "แม้ว" หลังเจอโทษคุก 6 ปี คดียักยอกข้าว!)