แกะรอย 2 ธุรกิจ ร้าง-ล้มละลาย 'รมช.พาณิชย์-เมีย'กู้เงิน 91 ล. ก่อนล้มละลายปี’57 .
แกะรอย 2 ธุรกิจ “ร้าง-ล้มละลาย” ‘สุวิทย์ เมษินทรีย์-ภรรยา’ รมช.พาณิชย์ พบ หจก.พี เคฯ ทำโรงงานผลิตเครื่องหนัง ถูกนายทะเบียนขีดร้างปี’53 เหตุไม่ประกอบธุรกิจต่อ ส่งงบการเงินครั้งเดียว บ.ยูนิซีดส์ฯ ขายพืช-ค้าข้าว-น้ำมันโซล ปี’54 ขาดทุนยับ 44 ล้าน ปี’53 ได้กำไร 5 แสน กู้เงินแบงก์ 91 ล้าน ถูกคำสั่งศาลให้ล้มละลายปี’57
ในการแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2558 ของ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ คนปัจจุบัน ที่ระบุว่า ถือครองหุ้นใน หจก.พี เค อินเตอร์เนชั่นแนล อิมแพ็ค มูลค่า 1 แสนบาท ซึ่งระบุว่ามีสถานะ “ร้าง” ส่วนนางผกากรอง เมษินทรีย์ คู่สมรส ถือหุ้นบริษัท ยูนิซีดส์ จำกัด 2 ล้านบาท ซึ่งระบุว่า “ล้มละลาย” ยังมีข้อมูลอีกหลายส่วนที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา
(อ่านประกอบ : วัตถุโบราณ22 ล.! “สุวิทย์-รมช.พาณิชย์” ถือหุ้นหจก.ร้าง รวมทรัพย์สิน 106 ล.)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูล หจก.พี เค อินเตอร์เนชั่นแนล อิมแพ็ค และบริษัท ยูนิซีดส์ จำกัด ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบรายละเอียด ดังนี้
@ หจก.พี เค อินเตอร์เนชั่นแนล อิมแพ็ค
จดทะเบียนเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2526 ทุนจดทะเบียน 5 แสนบาท ตั้งอยู่ที่ 339 ถ.สุรวงศ์ เขตบางรัก กทม. แจ้งประกอบธุรกิจการผลิตสิ่งของอื่น ๆ ที่ทำจากหนังฟอกหรือหนังอัดซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น และประกอบกิจการโรงงานผลิตเครื่องหนังสำเร็จรูป
มีหุ้นส่วน 5 คน ได้แก่ น.ส.มาลี ไพโรจน์กุลมณี ลงทุนด้วยเงิน 1 แสนบาท นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ลงทุนด้วยเงิน 1 แสนบาท นายพูนผล เมษินทรีย์ (พี่ชายนายสุวิทย์) ลงทุนด้วยเงิน 1 แสนบาท น.ส.เจีย แซ่โง้ว (พี่สาวนายสุวิทย์) ลงทุนด้วยเงิน 1 แสนบาท และนายปัจจัย เมษินทรีย์ (พี่ชายนายสุวิทย์) ลงทุนด้วยเงิน 1 แสนบาท มีนายปัจจัย เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ
ยื่นส่งงบการเงินให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 1 ครั้ง ในปี 2543 พบว่า มีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 477,095 บาท ไม่มีหนี้สิน และไม่มีรายได้ กับรายจ่ายแต่อย่างใด (ดูเอกสารประกอบ)
ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2553 นายทะเบียนได้แจ้งไปยัง หจก.พี เคฯ เนื่องจากมีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อได้ว่ามิได้ทำการค้าขายหรือประกอบการงานแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2553 นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง มีคำสั่งปิดชื่อ หจก.พี เคฯ เนื่องจากมีมูลเหตุอันสมควรเชื่อได้ว่ามิได้ทำการค้าขายหรือประกอบการงานแล้ว และ หจก.พี เคฯ ไม่ได้ตอบกลับการแจ้งของนายทะเบียนแต่อย่างใด (ดูเอกสารประกอบ)
@ บริษัท ยูนิซีดส์ จำกัด
จดทะเบียนเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2528 ทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 3.5 ล้านบาท ประกอบกิจการค้าเมล็ดพันธุ์ผัก เมล็ดพันธุ์ดอกไม้ เมล็ดพันธุ์หญ้า สมุนไพร เครื่องเทศ พันธุ์พืชทุกชนิด ที่อยู่ปัจจุบันเลขที่ 1/87-88 ซ.พหลโยธิน 40 ถ.พหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กทม. มีผู้ถือหุ้นและก่อตั้งบริษัททั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายธรรมรง อโนธารมณ์ นายเอนก วัชาภิชาต นายปฏิเสธ ซักเซ็ค นายเจริญศักดิ์ โณจนฤทธิ์พิเชษฐ์ นายพีระศักดิ์ ศรีนิเวศน์ นายชัยยา ชัยกุล และนายพาณิชย์ จารุโสลพงษ์
ต่อมา เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2528 มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียน 2.5 ล้านบาท (รวมของเดิมเป็น 6 ล้านบาท) หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2534 มีมติพิเศษให้เพิ่มทุน 34 ล้านบาท (รวมของเดิมเป็น 40 ล้านบาท) ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2541 มีมติเพิ่มทุนอีก 32 ล้านบาท (รวมของเดิมเป็น 72 ล้านบาท)
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2544 มีมติเพิ่มวัตถุประสงค์ ประกอบธุรกิจค้าข้าวเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2548 เพิ่มวัตถุประสงค์ ประกอบกิจการโรงพยาบาลเอกชน สถานพยาบาล และประกอบธุรกิจค้าซื้อและจำหน่ายน้ำมันโซลตรอนทั้งในและต่างประเทศ
หลังจากนั้นในช่วงปี 2534-2550 มีการเปลี่ยนตัวกรรมการเข้า-ออกหลายคน โดยเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2550 นายไวฑูรย์ เมษินทรีย์ (พี่ชายนายสุวิทย์) ได้เข้าไปเป็นกรรมการบริษัท และเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2550 ได้เข้าเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ (ร่วม)
จากการตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด (ยื่นปี 2554) พบว่า มีชื่อของนางผกากรอง ร่วมถือหุ้นด้วย 2 หมื่นหุ้น (มูลค่า 2 ล้านบาท) และมีเครือญาติของนายสุวิทย์ ถือหุ้นอีกหลายคน
ต่อมา เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2557 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดกับบริษัท ยูนิซีดส์ จำกัด มีบริษัท เดมาร์ เคมิคอล เวิร์ค จำกัด เป็นโจทก์ ในคดีหมายเลขแดงที่ ล.1081/2557 (ดูเอกสารประกอบ)
จากการตรวจสอบงบการเงิน พบว่า ยื่นครั้งล่าสุดเมื่อปี 2554 แจ้งว่า มีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 65,223,756 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 63,418,588 บาท มีรายได้ 51,027,962 บาท มีรายจ่าย 92,327,704 บาท (เป็นต้นทุนการขายกว่า 52 ล้านบาท) ขาดทุน (สุทธิ) 44,222,498 บาท
ส่วนปี 2553 มีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 106,368,463 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 60,340,797 บาท มีรายได้ 66,077,627 บาท มีรายจ่าย 62,771,418 บาท (เป็นต้นทุนการขายกว่า 29 ล้านบาท) มีกำไร (สุทธิ) 555,941 บาท
ทั้งนี้ผู้สอบบัญชีบริษัท ยูนิซีดส์ จำกัด ตั้งข้อสังเกตว่า มีเงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้องกัน โดยคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 0.75 บาท/ปี และในปี 2553 กับปี 2554 ได้ทำสัญญาเงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมกับธนาคารพาณิชย์ 3 แห่ง วงเงินรวม 46.50 ล้านบาท และ 44.50 ล้านบาท (รวม 91 ล้านบาท) ตามลำดับ อัตราดอกเบี้ย MRR บวกร้อยละ 1 บาท/ปี
โดยวงเงินดังกล่าวค้ำประกันโดยการจดจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของบริษัท บัญชีเงินฝากประจำ และค้ำประกันโดยกรรมการ
ขณะเดียวกันบริษัท ยูนิซีดส์ จำกัด มีเงินลงทุนระยะยาวอื่น ในบริษัท โซลเพาเวอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยถือหุ้นร้อยละ 44.71 (รวมมูลค่า 4,471,600 บาท) และบริษัท เมียนม่า ยูนีซีดส์เทรดดิ้ง จำกัด โดยถือหุ้นร้อยละ 35 (มูลค่า 1,452,166 บาท)
ทั้งหมดคือข้อมูล 2 ธุรกิจ “ร้าง-ล้มละลาย” ของนายสุวิทย์ และคู่สมรส ที่แจ้งในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯต่อ ป.ป.ช.
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายสุวิทย์ จาก asean-focus.com