บึ้มอีก 3 ลูกเจ็บนับสิบ – กอ.รมน.สรุปป่วนยะลา 35 จุด
สถานการณ์ในจังหวัดยะลายังคงปั่นป่วนไม่หยุด โดยเมื่อช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2558 มีระเบิดอีก 3 จุด ทั้งๆ ที่เพิ่งเกิดระเบิดถึง 14 จุดเมื่อช่วงค่ำของคืนก่อนหน้า
เหตุการณ์ความไม่สงบที่จังหวัดยะลาช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม คนร้ายลอบวางระเบิดดักสังหารตำรวจชุดลาดตระเวน ขณะปฏิบัติหน้าที่บนถนนในท้องที่บ้านควน หมู่ 5ตำบลพร่อน อำเภอเมือง จังหวัดยะลา โดยคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องประกอบใส่ถังแก๊ส ติดไว้กับต้นไม้ริมถนน แรงระเบิดทำให้รถกระบะตราโล่ของตำรวจได้รับความเสียหาย และตำรวจ สภ.ลำใหม่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 7 นาย ประชาชนถูกลูกหลง 1 คน
ทราบชื่อคือ สิบตำรวจตรี อาทิตย์ ธรรมขันธ์, ร้อยตำรวจโท วิชิต สุดรักษ์ , สิบตำรวจตรี เอกลักษณ์ คำแก้ว, สิบตำรวจตรี ณัฐพล ยิ้มน้อย, สิบตำรวจตรี กิตติพันธ์ จันตา, สิบตำรวจตรี มูหาฟีซีน มะสาแม, สิบตำรวจตรี อัมรินทร์ แก้วแป้น และ นางสาวอานีตา กาหลง โดยทั้งหมดอาการไม่สาหัส
อีกจุดหนึ่งที่อำเภอธารโต จังหวัดยะลา คนร้ายลอบวางระเบิดโจมตีทหารพราน สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 3301 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 ขณะปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนเส้นทาง แรงระเบิดทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ จ่าสิบเอกราชเดช กาวิน และ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) วิเชียร ปัญโญ เหตุเกิดบนถนนในท้องที่บ้านบัวทอง หมู่ 2 ตำบลบ้านแหร
ลอบบึ้มอีโอดีขณะเข้าตรวจจุดเกิดเหตุระเบิด
เวลา 09.30 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดชุดทำลายวัตถุระเบิด หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย ขณะนำกำลังเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุระเบิดในพื้นที่ อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา โดยใช้รถกระบะเป็นพาหนะ แรงระเบิดทำให้รถได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนถนนสายยะหา–กาบัง ท้องที่บ้านบูเกะฆลูโฆ หมู่ 3 ตำบลกาตอง อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
กอ.รมน.สรุปบึ้ม 14 จุด เผา 21 จุด
สำหรับเหตุป่วนยะลาเมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พันเอกยุทธนาม เพชรม่วง หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ในฐานะรองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงว่า คนร้ายได้ก่อเหตุรุนแรงด้วยระเบิดและเผายางรถยนต์ในพื้นที่ 8 อำเภอของจังหวัดยะลา ซึ่งหมายความว่าเกิดเหตุครบทุกอำเภอของจังหวัด แยกเป็น
เหตุลอบวางระเบิด 14 จุด ประกอบด้วย พื้นที่อำเภอเมืองยะลา 4 จุด, อำเภอกาบัง 1 จุด, อำเภอธารโต 1 จุด, อำเภอยะหา 1 จุด, อำเภอบันนังสตา 1 จุด, อำเภอรามัน 4 จุด, อำเภอเบตง 1 จุด และอำเภอกรงปินัง 1 จุด
ส่วนเหตุลอบวางเพลิงและเผายางรถยนต์ เกิดขึ้นรวม 21 จุด ประกอบด้วย อำเภอเมืองยะลา 4 จุด, อำเภอธารโต 2 จุด, อำเภอบันนังสตา 7 จุด หนึ่งในนั้นคืออาคารเอนกประสงค์ขององค์การบริหารส่วนตำบลตาเนาะปูเต๊ะ, อำเภอรามัน 5 จุด และ อำเภอยะหา 3 จุด
พันเอกยุทธนาม แถลงอีกว่า พลโทวิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้หน่วยในพื้นที่ ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการปฏิบัติตามแผนรักษาความปลอดภัยในเขตพื้นที่เมืองเศรษฐกิจ โดยใช้กำลังทุกภาคส่วนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการก่อเหตุลักษณะก่อกวนให้เกิดความวุ่นวาย ไม่มีผู้เสียชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนไม่ได้รับความเสียหาย มีเพียงกระแสไฟฟ้าดับบางจุดในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทั้งนี้เป็นผลมาจากมาตรการเข้มที่หน่วยได้ร่วมมือกันปฏิบัติการดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ปลอดภัย หรือ เซฟตี้โซน ทำให้กลุ่มคนร้ายไม่สามารถเข้าไปก่อเหตุในพื้นที่ดังกล่าวได้
ผบ.ทบ.ห่วงประชาชนได้รับผลกระทบไฟใต้
ที่กรุงเทพฯ พลตรีบรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. แถลงว่า หลังเกิดเหตุ พลเอกธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ รองผอ.รมน. ได้สั่งการตรงต่อแม่ทัพภาคที่ 4 ให้ควบคุมสถานการณ์ร่วมกับฝ่ายปกครองและตำรวจในพื้นที่ พร้อมได้แสดงความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ กับให้เร่งคลี่คลายเหตุการณ์ รวมทั้งให้ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุโดยอาศัยวัตถุพยานต่างๆ ตามกระบวนการยุติธรรม
กรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แสดงเห็นได้ว่าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังมีความพยายามก่อเหตุของกลุ่มคนบางกลุ่มอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้เป็นลักษณะการก่อเหตุแบบก่อกวนหลายจุดในห้วงเวลาใกล้เคียงกัน มุ่งสร้างความเดือดร้อนกับประชาชนทั่วไป หวังให้เกิดผลทางจิตวิทยาในวงกว้าง และสร้างความตระหนกต่อสาธารณชน กอ.รมน.จึงขอประณามผู้ร่วมวางแผนสั่งการและผู้ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เหตุระเบิดป่วนยะลา ส่วนใหญ่มุ่งโจมตีเสาไฟฟ้าเพื่อให้ไฟดับ
ขอบคุณ : ภาพจากเจ้าหน้าที่ชุดตรวจจุดเกิดเหตุ และหน่วยกู้ชีพกู้ภัยในพื้นที่