กลุ่มอนุรักษ์อุดรฯ เดินหน้าคัดค้านประทานบัตรเหมืองโปแตช
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ถามความคืบหน้าการขออนุญาตประทานบัตรโครงการฯ พร้อมยื่นหนังสือคัดค้าน ด้านอุตสาหกรรมปูดเตรียมปิดประกาศเขตเหมือง พ.ย.นี้
วันนี้ (9 พฤศจิกายน) เวลา 10.00 น. แกนนำชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี จำนวน 20 คน ได้เดินทางไปยังสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าการขออนุญาตประทานบัตรโครงการเหมืองแร่โปแตช จังหวัดอุดรธานี ของบริษัทเอเชียแปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด พร้อมทั้ง ยื่นหนังสือคัดค้านการขออนุญาตประทานบัตรโครงการฯ
โดย นายปัญญา โคตรเพชร เลขานุการกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กล่าวว่า สถานการณ์การผลักดันโครงการเหมืองแร่โปแตช ในพื้นที่ได้กลับมาเข้าสู่สถานการณ์ตรึงเครียดอีกครั้ง เมื่อฝ่ายบริษัทได้มีความพยายามผลักดันโครงการ โดยทำการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้นำชุมชน สมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ ในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งที่ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้แสดงเจตจำนงมาตลอดว่าการดำเนินการจัดเวทีหลายต่อหลายครั้ง ของบริษัท ไม่มีความชอบธรรม และขาดการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของชาวบ้านในพื้นที่
“ที่พวกเราพากันมาในวันนี้ ก็เพื่อจะมาถามจากอุตสาหกรรมจังหวัดเกี่ยวกับเรื่องเหมืองโปแตช ว่าหลังจากที่ กพร. และบริษัท ได้อ้างมาว่า ปักหมุดเสร็จแล้ว จะดำเนินการในขั้นต่อไปนั้น ตอนนี้ไปถึงไหนกันแล้ว เพราะพวกเราซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ก็ร่วมกันค้านการปักหมุดรังวัดมาตลอดว่า ไม่มีความชอบธรรม ชาวบ้านไม่มีส่วนร่วม แต่บริษัทก็ยังมีการเคลื่อนไหวที่จะผลักดันโครงการต่อให้ลุล่วง ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เกิดความสับสนต่อสถานการณ์ จึงได้กันมาพบอุตสาหกรรมจังหวัดในวันนี้ ให้ช่วยชี้แจงถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการเหมืองโปแตช”
ด้าน นายวรากร บำรุงชีพโชต หัวหน้าฝ่ายอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี ได้ทำการชี้แจงเกี่ยวกับขั้นตอนการขออนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ใต้ดิน หลังจากการปักหมุดรังวัดต่อชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ฟังว่า
“หลังจากที่มีการปักหมุดรังวัดแล้วเสร็จเมื่อปีที่แล้ว ขั้นต่อไปก็จะทำการปิดประกาศไปยังหน่วยงานราชการ เทศบาล และอบต. ที่อยู่ในพื้นที่โครงการ ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนนี้ เมื่อถึงตอนนั้นก็จะทราบว่ามีใครบ้างอยู่ในเขตคำขอประทานบัตร และถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการ ซึ่งหากชาวบ้านจะคัดค้านก็เตรียมเอกสารยื่นได้ตามแปลงที่ตนมีชื่ออยู่” นายวรากรกล่าว
นายวรากรยังกล่าวอีกว่า พอปิดประกาศแล้ว ตามขั้นตอนก็จะมีการทำประชาพิจารณ์ หรือประชาคมหมู่บ้านในเขตเหมือง ซึ่งก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ชาวบ้านจะค้าน หรือถ้าเห็นว่าไม่เป็นไปตามกฎหมายก็สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้ ส่วนผลของการคัดค้านก็จะทำให้กระบวนการทุกอย่างหยุดชะงักทันที จนกว่าบริษัทจะตกลงกันได้กับผู้คัดค้าน
ส่วน นายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ ผู้ประสานงานศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ (ศสส.) อีสาน ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ผ่านมาคำว่าการมีส่วนร่วมจะถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ ไม่ได้เกิดการสร้างการมีส่วนร่วมที่แท้จริงต่อภาคประชาน ทำให้เกิดปัญหาที่ยืดเยื้อเรื้อรังเสมอมา
“เวลาหน่วยงานภาครัฐ และบริษัทเอกชนดำเนินการอะไร ก็มักจะมีการอ้างว่าได้สร้างการมีส่วนร่วมให้กับชาวบ้านแล้ว ถ้าทำจริงชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ คงไม่ต้องมาพบอุตสาหกรรมจังหวัดเพื่อที่จะขอข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์โครงการเหมืองแร่โปแตชหรอก ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจึงต้องมีการทำความเข้าใจในประเด็นการมีส่วนร่วมให้มีความลึกซึ้ง และดำเนินการอย่างชัดเจน ในส่วนของสถานการณ์เหมืองโปแตชที่จะมีการปิดประกาศการขอประทานบัตรนั้น ชาวบ้านก็ต้องออกมาค้านอย่างชัดเจนอยู่แล้ว เพราะขั้นตอนการดำเนินการที่ผ่านมามันขัดหลักการมีส่วนร่วมมาตั้งแต่แรกแล้ว” นายสุวิทย์กล่าว
สุวิทย์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “อยากจะตั้งคำถามอยู่เหมือนกันว่าถ้าหากการคัดค้านของชาวบ้านดำเนินการตามช่องทางของกฎหมาย เช่น ฟ้องร้องต่อศาลปกครองนั้น อธิบดี กพร. จะยุติการเอื้ออำนวยให้เกิดโครงการเหมืองโปแตชหรือไม่ และถ้าหากกลุ่มชาวบ้านใช้วีธีการคัดค้านที่ไม่ได้ผ่านช่องทางของกฎหมาย เช่น การชุมนุม การปิดถนน กลีบถูกกล่าวว่าชาวบ้านไม่มีเหตุผลไม่อยู่ในกรอบกติกา สิ่งเหล่านี้จึงไม่มีความเป็นธรรมต่อกลุ่มชาวบ้านเลย” สุวิทย์ กล่าว