ข้อสั่งการลับ "ประยุทธ์" กู้วิกฤตภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตาชาวโลก
"..สภาพปัญหาก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ครม.) และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน (ก่อนวันที่ 22 พ.ค.2557 ที่มีการทำรัฐประหาร) ให้ระบุชัดเจน ในเรื่องสำคัญ อาทิ ความแตกแยกของคนในชาติ การใช้ความรุนแรง การไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเค่รงครัด การทุจริตคอร์รัปชัน.."
ดูเหมือนว่า ปัญหาภาพลักษณ์ของประเทศไทย ในสายตาชาวต่างชาติ จะเป็นเรื่องใหญ่ ที่ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
เห็นได้จากในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2558 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือต่อที่ประชุมอย่างเป็นทางการ
โดยเฉพาะการหาแนวทางการจัดทำข้อมูลชี้แจงต่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐบาล ในช่วงที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลสำหรับให้ทุกส่วนราชการใช้ในการชี้แจงต่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐบาลเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน
พร้อมระบุให้จำแนกประเด็นให้ชัดเจนดังต่อไปนี้
1.สภาพปัญหาก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ครม.) และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน (ก่อนวันที่ 22 พ.ค.2557 ที่มีการทำรัฐประหาร)
ให้ระบุชัดเจน ในเรื่องสำคัญ อาทิ ความแตกแยกของคนในชาติ การใช้ความรุนแรง การไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด การทุจริตคอร์รัปชัน
2. การดำเนินการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ครม.) และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในระยะที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วน และนำมาสู่ความขัดแย้งของคนในชาติ
เช่น การรักษาความสงบเรียบร้อย การสร้างความปรองดอง การปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ การแก้ไขบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ การดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน
3. การกำหนดแนวทางการบริหารงานที่มีโรดแมปที่ชัดเจน ซึ่งได้แบ่งกลุ่มงานออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านการต่างประเทศ ด้านการบริหารราชการแผ่นดินกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ ได้มุ่งสร้างความเข้าใจแก่ภาคส่วนต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ
โดยเฉพาะกับ "สื่อมวลชน" เพื่อขอความร่วมมือให้นำเสนอข่าวในเชิงสร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญ
4. การสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศให้ครอบคลุมทุกด้าน ดังนี้
4.1 ด้านความมั่นคง เช่น การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์
4.2 ด้านเศรษฐกิจ เช่น การแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร การบริหารการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ การเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
4.3 ด้านสังคม เช่น การจัดระเบียบสังคม การปราบปรามผู้มีอิทธิพล การแก้ไขปัญหาการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ
4.4. ด้านการต่างประเทศ เช่น การพัฒนาบทบาทให้ไทยเป็นผู้นำกลุ่ม CLMV การดำเนินการตามพันธกรณีและข้อตกลงระหว่างประเทศ
4.5. ด้านการบริหาราชการแผ่นดิน กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม เช่น การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน การแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัย ลดความเหลื่อมล้ำ และเพื่อพัฒนาประเทศ การแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ รวมทั้งเร่งรัดการปฏิรูปประเทศในทุกมิติ
ทั้งนี้ ในการประชุม ครม. ดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำให้กระทรวงการต่างประเทศ นำเสนอข้อมูลดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในสัปดาห์หน้า หรือประมาณวันที่ 13 ต.ค. 2558 ที่ผ่านมา
เบื้องต้น หากคำนวณระยะเวลาที่มีข้อสั่งการดังกล่าว นับตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.2558 จนถึงปัจจุบัน เชื่อว่าขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศ น่าจะจัดทำข้อมูลดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเริ่มมีการใช้งานไปแล้ว
ส่วนเหตุผลที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสั่งการให้มีการดำเนินการในเรื่องนี้ น่าจะเป็นผลมาจากการเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง และพบว่ามีข้อมูลสำคัญหลายส่วนที่ต่างชาติยังไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกตรง
ซึ่งเป็นผลมาจากการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่างๆ ของประเทศไทย ให้ต่างประเทศได้รับรู้ในช่วงที่ผ่านมา ดูเหมือนจะไร้ระบบและขาดทิศทางที่ชัดเจน กลายเป็นช่องโหว่สำคัญ ที่ทำให้ฝ่ายการเมืองตรงข้าม ใช้เป็นช่องโหว่เคลื่อนไหว สร้างกระแส โจมตีจากนอกประเทศไทยตลอดมา
บางเรื่องบางเหตุการณ์ กว่าจะรู้ตัวว่าเสียท่าก็สายเกินการไปเสียแล้ว!